OR กำไร 9 เดือนแตะ 4.6 พันล้าน รับรายได้ธุรกิจ Lifestyle-Global โบรกมองไตรมาส 4 ฟื้น
OR รายงานกำไรงวด 9 เดือนปี 67 แตะ 4.65 พันล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากยอดขายและบริการที่ลดลง ตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ฟากโบรกมอง Q4 มีโอกาสกลับมามีกำไร
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 67 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.67 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 บริษัทมีรายได้ขายและบริการ 176,131 ล้านบาท ลดลง 7,858 ล้านบาท (-4.3%) จากไตรมาสก่อนหน้า ปรับลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยไตรมาสนี้รายได้ขายและบริการของกลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 3.9% ตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากกลุ่มน้ำมันอากาศยาน และดีเซล กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ลดลง 0.4% จากธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ตามปัจจัยฤดูกาล กลุ่มธุรกิจ Global ปรับลดลง16.8% ตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งปริมาณจำหน่ายที่ลดลงในประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว ตามปัจจัยฤดูกาลเช่นกัน
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/67 บริษัทมี EBITDA จำนวน 1,763 ล้านบาท ลดลง 3,080 ล้านบาท (-63.6%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/67 โดยลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ
ด้านกลุ่มธุรกิจ Mobility จากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่อ่อนตัวลงตามแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาด กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ลดลง โดยหลักจากการยุติธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น (Extra item) กลุ่มธุรกิจ Global ลดลงตามภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่อ่อนตัวลงในประเทศฟิลิปปินส์สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิปกติเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยหลักจากค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย
สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investments) ภาพรวมลดลงเล็กน้อย ในไตรมาสนี้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากประมาณ 12% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งรายรับสกุลเงินต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากไตรมาส 2/67 ส่งผลให้ในไตรมาส 3/67 OR ขาดทุนสุทธิ จำนวน 1,609 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 4,146 ล้านบาท <(-100%) คิดเป็นขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.13 บาท
ขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 67 บริษัทมีรายได้ขายและบริการ 538,054 ล้านบาท ลดลง 39,024 ล้านบาท (-6.8%) จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยหลักจากปริมาณจำหน่ายที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจ Mobility โดยรายได้ขายลดลง 8.3% สวนทางกับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่เพิ่มขึ้น 8.1% ตามการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ กลุ่มธุรกิจ Global ปรับเพิ่มขึ้น 11.6% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก
ทั้งนี้ ในงวด 9 เดือนของปี 67 มี EBITDA จำนวน 12,779 ล้านบาท ลดลง 5,904 ล้านบาท (-31.6%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Global ที่ภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่อ่อนตัวลง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ยังแข็งแกร่ง โดยปรับเพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม ถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายพิเศษ (Extra item) สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานปกติสุทธิปรับลดลง 4.6% โดยหลักจากค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย
สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investments) ภาพรวมลดลง เนื่องจากรายการปรับปรุงการอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนในบริษัทร่วมทุนในประเทศเมียนมาเป็นหลัก ในงวดนี้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เงินบาทอ่อนค่าลงและมีกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในงวด 9 เดือนแรกของปี 67 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 4,651 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6,251 ล้านบาท (-57.3%) คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.39 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18 บาท มองผลประกอบการไตรมาส 4 มีแนวโน้มกลับมามีกำไร