JMT กำไรไตรมาส 3 แตะ 430 ล้านบาท ดีกว่าคาด! โบรกมอง Q4 ฟื้นตัวแกร่ง

JMT รายงานงบไตรมาส 3/67 กำไรแตะ 430 ล้านบาท ดีกว่าคาดไว้ โบรกมองไตรมาส 4/67 อาจปรับตัวดีขึ้นต่อเนือง หลังคาดยอดจัดเก็บดีขึ้น ลุ้นปี 68 คาดกําไรจะฟื้นตัวได้ราว 23%


บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 67 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.67 มีกำไรสุทธิลดลง ดังนี้

บริษัทฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 429.91 ล้านบาท ลดลง 7.80% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 466.28 ล้านบาท สาเหตุจากรยได้รวมของบริษัทฯ ในไตรมส 3/2567 อยู่ที่ 1,285.2 ล้านบาท ลดลง 22.7 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.7 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ขณะที่รายได้ดอกเบี้ย รายได้เงินปันผล และกำไรจากเงินให้ สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ เป็นรายได้จากธุรกิจการซื้อ หนี้ด้อยคุณภพมบริหร และดอกเบี้้ยรับจากเงินให้กู้ยืมให้กับกิจการร่วมค้ารวม 1,149.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

รายได้จากสัญญาที่่ทำกับลูกค้าจากธุรกิจให้บริการ ติดตามเร่งรัดหนี้กับสถาบันการเงิน 76.3 ล้านบาท ลดลง 11.7 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 13.3 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง เดียวกันของปีก่อนหน้า

รายได้จากการรับประกันภัย 59.7 ล้านบาท ลดลง 18.6 ล้านบาท หรือ ลดลงร้อยละ 23.8 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อนหน้า

ก่อนหน้านี้ บล.ทรีนีตี้ ทางฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกําไรปี 2567 อยู่ที่ 1,549 ล้านบาท ลดลง 23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกําไรงวด 9 เดือนแรกของปี 67 คิด เป็น 77% ของประมาณการทั้งปี

ทั้งนี้ คาดการณ์กําไรไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 400 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 9% จากไตรมาสก่อนหน้า แม้ยังอ่อนตัว 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยแนวโน้มที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากยอดจัดเก็บที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ราว 1.4 พันล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นราว 8% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไม่มีวันหยุดยาวเช่นในไตรมาส 2/67 บวกกับแนวโน้ม เศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยหลังการจัดตั้งรัฐบาล

ด้านต้นทุนในการให้บริการยังทรงตัวค่อนข้างสูงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากทางบริษัทยังคงนโยบายฟ้องคดีเพื่อเร่งให้ลูกหนี้กลับมาเจรจาชำระหนี้อยู่ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานอาจลดลงเล็กน้อยราว 4% จากไตรมาสก่อนหน้า หลังคาดค่าใชจ่ายสํารองหนี้ (ECL) ลดลงราว 8% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลกระทบจากยอดจัดเก็บที่ดีขึ้นทําให้ต้องตั้งสํารองหนี้น้อยลง

ทั้งนี้กําไรงวดไตรมาส 4/67 อาจปรับตัวดีขึ้นต่อเนือง หลังคาดยอดจัดเก็บดีขึ้น บวกกับค่าใช้จ่ายสํารองหนี้ลดลงตามฤดูกาล แม้ว่าค่าใช้จ่ายจากการฟ้องคดีจะยังสูงต่อเนือง สําหรับแนวโน้มปี 2568 คาดกําไรจะฟื้นตัวได้ราว 23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยยังเห็นโมเมนตัมของการฟื้นตัวของยอดจัดเก็บ บวกกับการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ แต่ยังต้องติดตาม แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค อาทิ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การลดดอกเบี้ยนโยบาย และนโยบายแก้หนี้ครัวเรือน

Back to top button