“จีน” จ่อออกมาตรการ “ภาษี” หนุนตลาดอสังหาฯ หลังอัดฉีดงบ 48 ล้านลบ. กระตุ้นเศรษฐกิจ
กระทรวงการคลังจีน เตรียมออกมาตรการทางภาษี มุ่งกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังอัดเม็ดเงิน 48 ล้านล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมวางแผนนโยบายการคลังจะช่วยลดผลกระทบใน-นอกประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงาน (11 พ.ย.67) อ้างอิง สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า กระทรวงการคลัง ของจีนเตรียมออกนโยบายภาษีชุดใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมีคุณภาพ โดย หลัน ฝออัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) ว่า มาตรการใหม่เหล่านี้อยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติตามขั้นตอนที่กำหนด พร้อมกับเสริมว่า กระทรวงการคลังกำลังเร่งวางแผนนโยบายการคลังที่จะช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากวัฏจักรเศรษฐกิจมากขึ้น (counter-cyclical adjustments)
นอกจากนี้ คณะกรรมการถาวรแห่งสภาประชาชนแห่งชาติ (National Peple’s Congress : NPC) ของจีน มีมติอนุมัติโครงการมูลค่า 10 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 47.7 ล้านล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และรองรับปัจจัยความเสี่ยงใหม่ จากชัยชนะของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่มีนโยบายเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนสูงถึง 60%
โดยมาตรการที่ออกมาครั้งนี้ จีนจะเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นเป็น 35.52 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 170 ล้านล้านบาท ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถออกพันธบัตรพิเศษเพิ่มเติมได้อีกประมาณ 6 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 29 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี เพื่อสวอปหนี้นอกงบดุลซึ่งเป็นหนี้แฝงก้อนใหญ่เป็นปัญหามานาน และรัฐบาลท้องถิ่นมีโควตาออกพันธบัตรพิเศษเพิ่มอีก 4 ล้านล้านหยวน ภายในระยะเวลา 5 ปี เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันด้วย
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี หรือตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ที่จีนอนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ให้รัฐบาลท้องถิ่นช่วงกลางปีงบประมาณ โดยวงเงินดังกล่าวเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ ว่ารัฐบาลปักกิ่งจำเป็นต้องลดความเสี่ยงทางการเงินให้รัฐบาลท้องถิ่น และกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ
นายหลัน ฝออัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจีน กล่าวว่า การสวอปหนี้จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้มากถึง 6 แสนล้านหยวน หรือ 2.86 ล้านล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการกระตุ้นการลงทุน และการบริโภคได้ โดย ณ สิ้นปี 2566 จีนมีหนี้แฝงที่ค้างชำระอยู่ทั้งสิ้น 14.3 ล้านล้านหยวน หรือ 68 ล้านล้านบาท
ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจีนให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า จีนยังมีความสามารถในการก่อหนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม โดยจะออกนโยบายการคลังเพิ่มเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2568
กระทรวงการคลังจีนประเมินว่ามีหนี้สินที่ซ่อน (Hidden Debt) อยู่ในส่วนของรัฐบาลท้องถิ่นประมาณ 14.3 ล้านล้านหยวน ซึ่งเกิดจากเศรษฐกิจที่เติบโตได้ช้ากว่าคาด และสภาวะอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ ส่งผลต่อรายได้จากการเก็บภาษีต่ำเป้า ทำให้เกิดปัญหาหนี้สินที่ซ่อนอยู่ดังกล่าว
ขณะที่ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แสดงความหวังว่า รัฐบาลวอชิงตันและรัฐบาลปักกิ่งจะเดินหน้าการเจรจาและการติดต่อสื่อสาร “เพื่อบริหารจัดการความแตกต่างได้อย่างเหมาะสม” และจีนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะยังคงมีการยึดมั่นต่อหลักการของการให้เกียรติซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือเพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน