TU เปิดกลยุทธ์มุ่งสู่ปี 73 ตั้งเป้ารายได้ 2.45 แสนลบ. ชี้โปรเจคโซนาร์-เทลวินด์หนุน

TU เปิดกลยุทธ์มุ่งสู่ปี 73 แย้ม 2 โปรเจคโซนาร์-เทลวินด์ เป็นกุญแจสำคัญในการปรับเปลี่ยนองค์กร ช่วยส่งเสริมปักหมุดรายได้ 7 พันล้านดอลลาร์ในอีก 6 ปีข้างหน้า


นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า การเปิดตัวกลยุทธ์ 2573 ภายใต้คอนเซ็ปต์ว่า “TURNING THE TIDES STRATEGY 2030” โร้ดแม็ปใหม่เพื่อสร้างความเติบโตของธุรกิจแบบยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายทำยอดขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 7 พันล้านดอลลาร์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.45 แสนล้านบาท) ภายในปี 2573 จากยอดขาย 3.9 พันล้านบาท ซึ่งในปี 67 และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 100% จากประมาณ 400 ล้านดอลลาร์ (1.4 หมื่นล้านบาท) จำนวน 700-800 ล้านดอลลาร์ (2.45-2.8 หมื่นล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายใน 6 ปีข้างหน้า โดยมีโปรเจค Transformation ภายใต้กลยุทธ์มุ่งสู่ปี 2573 ประกอบด้วย โปรเจคโซนาร์ (Project Sonar) และ โปรเจค เทลวินด์ (Project Tailwind) เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพจากท้องทะเล

ทั้งนี้ กลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 ของ TU แบ่งออกเป็น 3 แกนหลัก โดยมุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจที่สำคัญเพื่อผลักดันการเติบโตของรายได้ กำไรขั้นต้น และ EBITDA โดยการเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจเดิม และธุรกิจใหม่ รวมถึงการควบรวมกิจการ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนแบบระยะยาว ซึ่ง 3 แกนหลักมีดังนี้ 1. การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ได้แก่ อาหารทะเลแปรรูป อาหารแช่เย็น และอาหารสัตว์ เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่จำเป็นสำหรับการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตใหม่ๆ

  1. การสร้างคลื่นลูกใหม่ของการเติบโต ซึ่งมุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจที่เติบโตเร็ว เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารแช่แข็ง อาหารพร้อมทาน และอินกรีเดียนท์ ซึ่งไทยยูเนี่ยนเชื่อว่าจะยังคงขับเคลื่อนการเติบโตของผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และ 3. การเปิดน่านน้ำใหม่ โดยมุ่งเน้นการแสวงหาไอเดียและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และโปรตีนทางเลือก เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของไทยยูเนี่ยนในอนาคต

นายธีรพงศ์  กล่าวเพิ่มเติมว่า โลกทุกวันนี้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ตั้งแต่ผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ไปจนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทุกความท้าทายนำมาซึ่งโอกาส การเติบโตในโลกยุคใหม่ ไม่ใช่แค่การปรับตัว แต่เราต้องก้าวพ้นกระแสแห่งความผันผวนนี้ เพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเอง เรามีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 7 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่ม EBITDA เป็นสองเท่าภายในปี 2573 เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพจากท้องทะเล ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ของไทยยูเนี่ยน

“สำหรับเศรษฐกิจภาพรวมมองแนวโน้มถึงการที่อัตราปรับดอกเบี้ยลดลงนั้น ส่งให้กำลังซื้อดันกลับมา ซึ่งเป็นจังหวะที่องค์กรได้เตรียมตัวมาก่อนบ้างแล้ว อย่างไรก็ดีตลาดโลกยังไม่มีความแน่นอนอยู่ แต่บริษัทฯยังสามารถคว้าโอกาสทางการตลาดเอาไว้ได้” นายธีรพงศ์ กล่าวเสริมในตอนท้าย

ด้าน มร.พอล เฮอร์โฮลซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และการเปลี่ยนแปลงของ TU กล่าวว่า กลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 ที่ประกอบด้วย 3 แกนหลัก เป็นปัจจัยสำคัญที่จะเร่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวด้วยโอกาสการเติบโตทั้งจากธุรกิจในปัจจุบัน และธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงการควบรวมกิจการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสู่ความสำเร็จในอีกหกปีข้างหน้า บริษัทต้องวางรากฐานที่แข็งแกร่ง โดยจะดำเนินงานผ่าน 2 โปรเจคของการ Transformation ที่มีแผนงานที่ชัดเจนเพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ดังกล่าว และผลักดันให้ความมุ่งมั่นของเราประสบความสำเร็จ

โดย TU ได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติสำคัญ 6 ประการที่จะเป็นรากฐานและเตรียมองค์กรให้พร้อมตามกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 73 ประกอบด้วยการปรับโครงสร้างองค์กรและการพัฒนาบุคลากร การมุ่งเน้นการลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายการผลิตและการจัดซื้อเชิงกลยุทธ์ การยกระดับขีดความสามารถทางดิจิทัล การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม และการเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันจากความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน

สำหรับโปรเจค Transformation  ภายใต้กลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 ประกอบด้วย โปรเจคโซนาร์ (Project Sonar) ซึ่งเป็นโครงการทรานส์ฟอร์เมชั่นของกลุ่มบริษัท มุ่งวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในระยะยาว และโปรเจคเทลวินด์ (Project Tailwind) ที่มุ่งเน้นที่การเร่งการเติบโตในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหลัก โดย 2 โปรเจคจะดำเนินการควบคู่ และสอดคล้องกันเพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของกลยุทธ์มุ่งสู่ปี 2573 และส่งเสริมการรวมแผนงานเป็นหนึ่งเดียวกันในอนาคตด้วยการดำเนิน โปรเจคโซนาร์

โดยเฉพาะ TU ตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนเฉลี่ยต่อปีได้ 75 ล้านดอลลาร์ (2,625 ล้านบาท) ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป โดย 40% ของเงินส่วนนี้จะถูกนำกลับมาลงทุนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจต่อไป โปรเจคโซนาร์มีเป้าหมายที่จะสร้างรูปแบบการดำเนินงานที่แข็งแกร่งสอดคล้องกับกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 สร้างขีดความสามารถด้านการจัดซื้อและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงยกระดับขีดความสามารถทางดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจ และเตรียมพร้อมสำหรับการเดินหน้าโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่นอย่างเต็มรูปแบบ

ขณะที่  โปรเจคเทลวินด์ (Tailwind) เป็นแผนการทรานส์ฟอร์มเมชั่นของกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยกำหนดเป้าหมายที่จะเพิ่มกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) ประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ (1.75 พันล้านบาท)  ต่อปี สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ปี 70 เป็นต้นไป ซึ่งกุญแจสู่สำเร็จคือ ความเชี่ยวชาญทางธุรกิจและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อตลาด รู้ลึก รู้จริงถึงความต้องการของลูกค้า ควบคู่กับการสร้างขีดความสามารถใหม่ๆ เพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดซื้อและกระบวนการผลิต โดยโปรเจคเทลวินด์ จะมุ่งเน้นไปที่การเร่งขับเคลื่อนการเติบโตจากการเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจในปัจจุบัน บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC จะมุ่งสร้างการเติบโตจากการควบรวมกิจการ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้ 3 เท่า อยู่ที่ประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ (5.2 หมื่นล้านบาท) ภายในปี 73

ฟาก มร.ลูโดวิค การ์นิเยร์  ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงที่จะขึ้นกับบริษัท เพื่อที่จะมีซัพพลายเออร์ใหม่ๆและเพื่อประหยัดต้นทุน รวมถึงการปรับปรุงโรงงานและการพัฒนาขีดความสามารถในส่วนต่างๆ โดยเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯได้เริ่มเรื่องการใช้ประโยชน์เครือข่ายของ ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ให้มากขึ้นจากทั้ง 3 ทวีป ไม่ว่าจะเป็น เอเชีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป อาทิเช่น การส่งออกปลาทูน่าข้ามทวีป ซึ่งที่ผ่านมามีการเสียภาษีอยู่มาก แต่ตอนนี้บริษัทจัดหาสินค้าจากภายในทวีปเลย รวมถึงการปรับปรุงดิจิทัล แบบเก่าสู่แบบใหม่ เพื่อให้ข้อมูล live มากขึ้นไม่ต้องรอข้อมูลระบบ safety ของดิจิทัลให้มากขึ้น และ การนำไอทีของฝ่ายการเงิน,ฝ่ายบุคคล ฯลฯ ให้มารวบเป็น ไอทีเดียวกันเลย

นอกจากนี้ มร.ลูโดวิค กล่าวเพิ่มเติมถึงการคาดการณ์ผลงานในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ว่า อ้างอิงจากไตรมาสที่ 3 คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 3-4 % และมีกำไรเติบโตขึ้น 18-19% เนื่องจากบริษัทฯรักษามาตราฐานเดิมเอาไว้จึงถือว่ามาถูกทางแล้ว ดังนั้นเป้าหมายในการการลีนต้นทุนจะส่งเสริมให้กำไรเพิ่มขึ้นและจะสามารถรักษาตัวเลขทุกอย่างเอาไว้ได้ตามที่คาดการณ์”

อนึ่ง ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้เริ่มต้นดำเนินการต่างๆ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 รวมถึงโครงการทรานส์ฟอร์มเมชั่นทั้งสองโครงการ โดยมีการดำเนินการสำคัญๆ เช่น การจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมแห่งใหม่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ การเพิ่มการลงทุนด้านการส่งเสริมการตลาดเพื่อคงความเป็นผู้นำแบรนด์อาหารทะเลแปรรูปชั้นนำของโลกหลากหลายแบรนด์ของกลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการผลิต การขยายทีมและยกระดับขีดความสามารถทางดิจิทัลของกลุ่มบริษัททั่วโลก เป็นต้น

Back to top button