IVL ต้นทุน-ค่าใช้จ่ายลด ดันกำไร Q3 โต 670% แตะ 1.5 พันล้าน โบรกชี้ไตรมาส 4 แจ่ม
IVL รายงานงบไตรมาส 3/67 กำไรแตะ 1.5 พันล้านบาท โต 669% จากปีก่อนมีกำไร 195 ล้านบาท รับรู้ต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายลดลง ฟากโบรกฯ คาดกำไรไตรมาส 4/67 เติบโตแกร่ง หนุนโดยปริมาณขายและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 30 บาท
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 67 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.67 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
บริษัทฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,504.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 669.92% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 195.46 ล้านบาท เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 132,431 ล้านบาท ลดลง 2.19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีค่าใช้จ่าย 135,397 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนขายสินค้า ต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหาร
โดยการดำเนินการบริหารต้นทุนคงที่เริ่มส่งให้เห็นผล โดยตุนทุนคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ลดลง 5% ซึ่งสุทธิแล้ว หลังจากหักผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ และคิดเป็นลดลง 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ การลดลงของต้นทุนคงที่ ณ ขณะนี้ยังไม่นับรวมถึงการประหยัดที่จะได้จากการเพิ่มประสิทธิภาพทรัพย์สินซึ่งมีสี่แผนงานตามที่ได้วางไว้สำหรับกลุ่มธุรกิจ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปี 68
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 67 พลิกขาดทุนสุทธิ 20,357.82 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 1,629.99 ล้านบาท
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุผลการดำเนินงานหลักไตรมาส 4/67 คาดว่าจะพลิกกลับจากงวดเดียวของปีก่อนเป็นกำไร หนุนโดยปริมาณขายและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น แต่คาดว่าจะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า ตามปัจจัยฤดูกาล
โดยคาดการณ์การเติบโตจากงวดเดียวของปีก่อน ของผลการดำเนินงานหลักในไตรมาส 4/67 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนี้มูลค่าหุ้นปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2568 ที่เพียง 0.9 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.8 เท่าอยู่ 1.2SD) จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30 บาท
ทั้งนี้ อินโดรามา เวนเจอร์ส รายงาน Adjusted EBITDA เท่ากับ 427 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณการขายที่สม่ำเสมอ ส่วนต่างราคาของอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น และการมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ให้เหมาะสมและลดต้นทุนคงที่
โดยไตรมาสนี้ถือเป็นไตรมาสแรกในปีนี้สำหรับอินโดรามา เวนเจอร์ส ที่ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบปีต่อปี โดยทั้งสามกลุ่มธุรกิจต่างรายงานรายได้ที่เติบโตขึ้น หลังจากที่อุตสาหกรรมอยู่ในช่วงขาลงของวัฏจักรเป็นเวลานาน อันเห็นได้จากการระบายสินค้าคงคลังของลูกค้าและอัตรากำไรที่ปรับลดลงก่อนหน้านี้ โดยปริมาณการขายยังคงที่สำหรับกลุ่มธุรกิจ Combined PET และกลุ่มธุรกิจ Fibers ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Indovinya มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วง Peak Season ของตลาดโซลูชั่นทางการเกษตร
สำหรับแนวโน้มในอนาคต เศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวนท่ามกลางภาวะเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงภาวะถดถอยนี้ ฝ่ายบริหารที่มีประสบการณ์ของอินโดรามา เวนเจอร์ส ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดภาระหนี้ของธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ IVL 2.0 ของบริษัทฯ ที่พัฒนาขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และขับเคลื่อนคุณภาพรายได้ในยุคใหม่ที่มีการเติบโตของผลกำไรที่ยั่งยืน ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567
โดยความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละนี้ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนคงที่ได้ถึง 19 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะสามารถลดลงได้เพิ่มเติมตามลำดับในปีหน้าเมื่อได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ อัตราการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 82 ในไตรมาสนี้ จากเดิมที่อยู่ที่ร้อยละ 69 เนื่องจากบริษัทฯ ได้เสร็จสิ้นโครงการเพิ่มประสิทธิภาพตามแผนงานสำหรับกลุ่มธุรกิจ CPET และกลุ่มธุรกิจ Indovinya
ส่วนกลุ่มธุรกิจ Fibers อยู่ระหว่างการดำเนินการโครงการการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลของบริษัทฯ มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องตามกำหนด จากการนำแพลตฟอร์ม SAP S/4HANA ERP มาใช้เป็นแกนหลักด้านดิจิทัล ทางอเมริกาเหนือได้รับประโยชน์จากโซลูชั่นการจัดซื้อจัดจ้างที่ใช้เครื่องมือ AI ในขณะที่แพลตฟอร์ม Connected Worker ช่วยยกระดับความเป็นเลิศด้านการผลิต คาดว่าโซลูชั่นการขายและห่วงโซ่อุปทานชุดแรกจะเริ่มใช้งานได้ในช่วงต้นปีหน้า
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทฯ อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “ผลประกอบการที่ดีขึ้นนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าฐานการผลิตที่หลากหลายทั่วโลกของเราส่งผลดีต่อธุรกิจแม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน เราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกำไรในอุตสาหกรรมของเรา ซึ่งเห็นได้จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในทั้งสามกลุ่มธุรกิจของเรา และเรายังคงมองโลกในแง่ดีด้วยความระมัดระวังว่าการฟื้นตัวนี้จะยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เนื่องจากมีกำลังการผลิตส่วนเกิน นอกจากนี้ เราเริ่มได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในองค์กรของเราปีนี้ ซึ่งรวมถึงการจัดหาเครื่องมือดิจิทัลใหม่ๆ ให้กับทีมผู้นำของเรา เพื่อช่วยให้พวกเขาขับเคลื่อนโครงการริเริ่มที่สำคัญภายใต้กลยุทธ์ IVL 2.0 ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงของเรา”