ไตรมาส 3 ต่างชาติแห่ถอน “เงินลงทุน” จากจีน กังวล “เศรษฐกิจ” ชะลอตัว
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่ช่วย! บริษัทต่างชาติถอนเงินลงทุนจากจีนแล้วกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 3 สะท้อนเศรษฐกิจชะลอตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 พ.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ล่าสุด สำนักงานปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีน (SAFE) เปิดเผยเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ใน จีน ได้ลดลง 8.1 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 3/2567 เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าบริษัทต่างชาติบางส่วน ยังคงมีมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจจีน แม้รัฐบาลจีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่ทุ่มเม็ดเงินกว่า 10 ล้านล้านหยวน ซึ่งมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
ตัวเลข FDI ของจีนทรุดตัวลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีสาเหตุมาจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ มุมมองลบเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นจากบริษัทหลายกลุ่มภายในประเทศจีน เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์
หากตัวเลข FDI ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ จะส่งผลให้จีนเผชิญกับการไหลออกสุทธิของ FDI รายปีเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2533 ที่เริ่มมีการบันทึกข้อมูล
ปีนี้มีบริษัทต่างชาติที่ถอนการลงทุนจากจีน อาทิ บริษัทนิสสัน มอเตอร์ (Nissan Motor), โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) และโคนิกา มินอลตา (Konica Minolta) ขณะที่บริษัทอินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ (International Business Machines – IBM) กำลังยุบทีมวิจัยฮาร์ดแวร์ในจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 1,000 คน
SAFE ระบุอีกว่า ยอดการลงทุนในต่างประเทศของจีน (ODI) พุ่งขึ้น 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 และนับตั้งแต่ต้นปี 2567 ยอด ODI ของจีนอยู่ที่ระดับ 1.43 แสนล้านดอลลาร์
บริษัทจีนหลายแห่ง เช่น บีวายดี (BYD) ได้เพิ่มการลงทุนในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าวัตถุดิบจะมีมากเพียงพอและได้เพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตในตลาดต่างประเทศ คาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไปและขยายตัวขึ้น เนื่องจากมีหลายประเทศที่ประกาศใช้มาตรการเรียกเก็บสินค้านำเข้าบางประเภทจากจีน เช่น เหล็ก นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนทุกประเภท