MAJOR งบ Q3 กำไรเหลือ 50 ล้านบาท ไร้บุ๊กพิเศษ

MAJOR งบไตรมาส 3/67 กำไรเหลือ 50 ล้านบาท หลังไม่มีบุ๊กกำไรพิเศษเหมือนช่วงไตรมาส 3/66 ที่มีการขายเงินลงทุนในบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 91 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจโบว์ลิ่ง-คาราโอเกะยังปรับตัวขึ้น ขณะที่ต้นทุนขายและบริการลดลง


บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 กำไรสุทธิลดลง ดังนี้

บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 50.33 ล้านบาท ลดลง 51.78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 104.38 ล้านบาท สาเหตุไม่รวมรายการพิเศษกำไรภาษีจากการขายเงินลงทุนใน บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 91 ล้านบาทในไตรมาส 3/66 บริษัทจะมีกำไรมากกว่าไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 37 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 276

ขณะเดียวกันบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 1,660 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,741 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากจำนวนภาพยนตร์ต่างประเทศที่ฉายในไตรมาส 3/2567 และได้รับความนิยม มีจำนวนน้อยกว่าปีก่อนหน้า ส่งผลให้รายได้ธุรกิจโรงภาพยนตร์และโฆษณาลดลง

นอกจากนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารทั้งสิ้นอยู่ที่ 553 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 510 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายในการบริหารและอื่นๆ อยู่ที่ 415 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 383 ล้านบาท มาจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานและค่าบริหารจัดการสาขา เนื่องจากมีสาขาที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะที่บริษัทฯ ขาดทุนจากการปรับมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน อยู่ที่ 1.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีกำไรจากการปรับมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนอยู่ที่ 18 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากสาขาสุขุมวิทเปิดด าเนินการหลังปิดปรับปรุงพื้นที่

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายได้จากธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะเพิ่มขึ้นจากการจัดกิจกรรม tournament มากขึ้น และรายได้จากธุรกิจพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นเนื่องจากสาขาสุขุมวิทเริ่มมีร้านค้าเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 หลังจากที่ปิดปรับปรุงพื้นที่

รวมไปถึงบริษัทมีต้นทุนขายและบริการรวม อยู่ที่ 1,081 ล้านบาท ลดลง 13% หรือ ลดลง 155 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 1,236 ล้านบาท มาจากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทำให้สัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลงจากเดิมเท่ากับ 71% เป็น 65%

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 67 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 422.87 ล้านบาท ลดลง 40.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 706.97 ล้านบาท

Back to top button