ASW กางแผน Q4 เปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่า 1.55 หมื่นลบ. ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 8.7 พันล้าน
ASW กางแผนไตรมาส 4/67 เปิดตัว 4 โครงการคอนโดมิเนียมในภูเก็ต รวมมูลค่า 1.55 หมื่นล้านบาท มั่นใจโค้งสุดท้ายปี 67 รายได้แตะ 8.7 พันล้านบาท ตามเป้าหมาย
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 13 พฤจิกายน 2567 ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 450.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 167.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 168.45 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่ 3,133.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,455.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 86.76% จาก 1,677.79 ล้านบาท โดยรายได้หลักของกลุ่มบริษัทมาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย อยู่ที่ 3,028.82 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในไตรมาส 3/2567 บริษัทได้ดำเนินการเปิดโครงการบ้านไปแล้วจำนวน 2 โครงการ คือ โครงการ CHANN มูลค่า 1,800 ล้านบาท และโครงการ The Arbor มูลค่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการถือว่าอยู่ในทำเลทองติดแม่น้ำและถนนใหญ่ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการเปิดโครงการในจังหวัดภูเก็ตในโครงการ CIELO Rawai มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งเปิดไปช่วงไตรมาส 3/2567 และมียอดขายแล้วประมาณ 90%
ส่วนในปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดโครงการไปแล้ว 38 โครงการ รวมมูลค่าอยู่ที่ 69,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็นโครงการของ ASW ที่แล้วเสร็จและอยู่ระหว่างการโอนจำนวน 15 โครงการ และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 12 โครงการ ส่วนที่กำลังดำเนินการขายแล้วก่อสร้างอยู่ที่ 5 โครงการ
ขณะที่ โครงการที่อยู่ในการดูแลของ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ที่บริษัท ASW เข้าถือหุ้น 67.94% ผ่านบริษัทย่อย บริษัท 39 เอสเตท จำกัด อยู่ระหว่างการโอนจำนวน 1 โครงการ และแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างการโอนจำนวน 3 โครงการ ทั้งนี้ หากแบ่งตามทำเลที่ต้องของโครงการนั้น ASW จะดำเนินโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ และ EEC ส่วน TITLE จะดำเนินโครงการในพี่นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นหลัก
โดยตั้งแต่ไตรมาส 4/66 ถึงไตรมาส 1/67 TITLE ทำผลงานจากยอด Backlog มากกว่า 7,061 ล้านบาท ผ่าน 3 โครงการหลัก อาทิ 1.Legendary Bang-ton มูลค่า 4,500 ล้านบาท คาดการณ์จะเริ่มโอนในช่วงไตรมาส 2/68, 2.Heritage มูลค่า 6,000 ล้านบาท คาการณ์เริ่มโอนได้ในไตรมาส 1/68 และ 3.Serenity Naiyang มูลค่า 4,000 ล้านบาท คาดการณ์เริ่มโอนในไตรมาส 3/68
นอกจากนี้ยังมีโครงการ The TITLE holo1 ซึ่งมูลค่า 1,537 ล้านบาท หากรวมแล้วโครงการดังกล่าวจะมีการโอนให้ลูกค้าระหว่างปี 68-69 รวมมูลค่าโครงการที่กล่าวมาทั้งหมดจะอยู่ที่ 16,037 ล้านบาท
ขณะที่ ทิศทางในไตรมาส 4/67 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้การดูแลของ TITLE จำนวน 4 โครงการ รวมมูลค่า 15,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการ CIELO Rawai มูลค่า 1,200 ล้านบาท, โครงการ The Modeva มูลค่า 6,200 ล้านบาท, โครงการ the Artrio Bang-tao มูลค่า 2,600 ล้านบาท และโครงการ the Katabello มูลค่า 5,500 ล้านบาท ครอบคลุมทั่วเกาะภูเก็ต
ทั้งนี้ จากโครงการที่กล่าวมาทำให้โครงการที่พัฒนาโดย TITLE มีมูลค่ารวมทั้งหมด อยู่ที่ 31,537 ล้านบาท และจะเป็นรายได้หลักๆของ ASW ในอนาคต ทั้งนี้ จาก Backlog ของ TITLE ที่กล่าวมาข้างต้นอยู่ที่ 7,061 ล้านบาท มาจากช่วง High season ตั้งแต่ไตรมาส 4/66 ถึงไตรมาส 1/67 ขณะที่ในช่วง High season ปีนี้ บริษัท ASW ตั้งเป้าหมาย Backlog ไว้ที่ 7,000 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับที่ก่อน อีกทั้ง บริษัทเตรียมเปิดตัว คอมมูนิตี้มอลล์โครงการ Mingle Mall ในไตรมทาส 4/67 ภายใต้การบริหารงานของ TITLE
ส่วนโครงการที่สร้างเสร็จและเตรียมโอนในปีที่ผ่านมาสำหรับฝั่ง ASW รวม TITLE นั้น บริษัทได้มีการปรับเพิ่มเป้าโครงการเป็น 13 โครงการ รวมมูลค่า 36,820 ล้านบาทจากเดิมที่บริษัทตั้งเป้าหมายการโอนไว้ที่ 12 โครงการ แบ่งเป็นโครงการบ้าน 5 โครงการ และคอนโดมิเนียม 7 โครงการ รวมมูลค่า 20,620 ล้านบาท โดยจะเพิ่มโครงการคอนโมมิเนียม 1 โครงการฝั่ง AWC แล้วเลื่อนโครงการเดิมที่อยู่ในแผนออกไป 2 โครงการ เพื่อเพิ่มโครงการจาก TITLE ในภูเก็ต 2 โครงการแทน
“บริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการในปีนี้จะมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 8,700 ล้านบาท ซึ่งมองว่าใน 3 เดือนหลังจากนี้น่าจะทำตามแผนทีวางไว้ได้ และหากถามถึงกรณีการออกหุ้นกู้นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อทำเงินไปใช้อะไร บริษัทจะนำเงินไปใช้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และคืนหนี้หุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด ในเดือน ก.พ. 68” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม Backlog ณ สิ้นไตรมาส 3/67 มีมูลค่ารวมกว่า 23,070 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงปี 67 อีกประมาณ 4,878 ล้านบาท และที่เหลืออีกประมาณ 18,192 ล้านบาท จะทยอยรับรับรู้ตั้งแต่ปี 68-69
ส่วนหากถามถึงปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานสามารถเติบโตได้นั้นบริษัทมองว่า สิ่งสำคัญคือ ความเชื่อมั่นด้านการทำผลประกอบการได้ดี และสร้างคอนโดมิเนียมเสร็จตามแผนที่วางไว้ ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญว่าเราขายอะไร และสามารถทำตามแผนได้หรือเปล่า และปัจจัยสุดท้ายคือทำเลที่ตั้งตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภค