TKN กวาดรายได้ Q3 แตะ 1.5 พันล้าน ชูกลยุทธ์ 3GO ขยายฐานลูกค้า-เจาะตลาดตปท.
TKN กวาดรายได้ไตรมาส 3/67 แตะ 1.5 พันล้านบาท เดินหน้าใช้กลยุทธ์ 3GO ขับเคลื่อนธุรกิจเน้นคุมต้นทุน ปรับพอร์ตสินค้า ขยายตลาดใหม่ หวังก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ระดับโลก
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า “เถ้าแก่น้อย” เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม-กันยายน) ว่าบริษัทฯ ทำรายได้จากการขาย 1,459.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 134.5 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้จากการขาย 4,242.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 697.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 16.4%
ทั้งนี้แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยวทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มชะลอตัว จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจโลกและความเชื่อมั่นในการจับจ่ายของผู้บริโภค ในหลายประเทศยังคงเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อและความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือภูมิศาสตร์ ส่งผลให้ต้องลดการใช้จ่ายภายในครัวเรือนลง รวมทั้งปัจจัยราคาต้นทุนสาหร่ายปีนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมียอดขายที่เติบโต และยังคงมีกำไรสุทธิ จากการดำเนินกลยุทธ์ “3GO” เพื่อใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจ โดยเฉพาะกลยุทธ์ GO Firm เพื่อปรับองค์กรให้กระชับ ลดต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่าย (Productivity) ในทุกฝ่ายงานทั้งภายในโรงงานและสำนักงาน เพื่อลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว
พร้อมดำเนินกลยุทธ์ GO Broad ขยายฐานกลุ่มธุรกิจให้กว้างขึ้น การเพิ่มช่องทางการขายในต่างประเทศสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศยุโรป และออสเตรเลีย รวมไปถึงการเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ GO Global ยกระดับตราสินค้า (Branding) โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการตลาดเพื่อสร้างความแข็งแรงของแบรนด์ตราสินค้าในตลาดหลักที่สำคัญทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย รวมทั้งการเปิดประสบการณ์การบริโภคแก่ผู้บริโภคด้วยการคอลแลปกับแบรนด์ชั้นนำต่างๆ
อีกทั้งบริษัทฯ ได้เดินหน้าทำแคมเปญ “Brand Love” เพื่อมุ่งหวังให้เถ้าแก่น้อยเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครักทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดหลักอย่าง จีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ขณะเดียวกันในตลาดใหม่ๆ อย่างเช่น กลุ่มยุโรปตะวันตก กลุ่มสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา รุกขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้มากขึ้น เพื่อตอบรับเทรนด์การบริโภคสาหร่ายที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศข้างต้น
สำหรับในประเทศ บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมเพื่อเชื่อมต่อระหว่างแบรนด์ไปยังผู้บริโภค โดยได้แต่งตั้ง “อุ๋งอิ๋ง เพชรบ้านแพง” ซึ่งเป็นไอดอลขวัญใจชาวอีสาน นั่งแท่นเป็น Brand Ambassador ตัวแทนสายลูกทุ่ง เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น วัยทำงาน และผู้บริโภคที่ชื่นชอบเพลงลูกทุ่ง-หมอลำ
โดยได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด Mini Concert & Fan Meeting ตลอดปี 2568 นอกจากนี้ ได้ร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เพื่อเข้ามาเป็น Brand Content Creator อาทิ “แป้ง zbing z” ยูทูบเบอร์สาวสายเกมที่มียอดผู้ติดตามใน Youtube สูงอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เพื่อเจาะตลาดกลุ่มเกมเมอร์และไลฟ์สไตล์นิวเจน ขณะเดียวกัน ยังได้คิดค้นและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสีสันให้ตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ เช่น สาหร่ายโรยข้าว สาหร่ายอบรสเกลือชมพู และล่าสุด เถ้าแก่น้อยได้ทำกิจกรรม Pre-Order “Taokaenoi Special Boxset” สำหรับงาน Butterbear’s 1st Fam Meeting ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ล้นหลาม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมคอลแลปกับร้านอาหารที่มีชื่อเสียง ได้แก่ เถ้าแก่น้อย x เส่ย ร้านดังระดับตำนานกว่า 30 ปี โดยทำเมนูพิเศษ อย่างเช่น เมี่ยงปลาทู กุ้งแช่น้ำปลา ห่อทานคู่กับสาหร่ายอบเถ้าแก่น้อย, ข้าวผัดปลาทู โรยหน้าด้วยสาหร่ายเถ้าแก่น้อยท็อปปิ้งสูตรออริจินัล เป็นต้น และ เถ้าแก่น้อย X ROTI LADY ร้านโรตีเจ้าดังขวัญใจต่างชาติ โดยทำเมนูพิเศษ เถ้าแก่น้อยโรตี โรล และเถ้าแก่น้อยโรตี สาหร่ายโอเวอร์โหลด เพื่อตอกย้ำว่าสาหร่ายเถ้าแก่น้อยกินคู่กับอะไรก็อร่อย
ขณะเดียวกันธุรกิจร้านอาหารหมูกะทะ 71 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของบริษัทในเครือ ได้เปิดสาขาแรกที่ถนนบรรทัดทอง ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี และได้เตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมอีก 2 สาขา ที่คอมมูนิตี้มอลล์ Att U Park Bangna (แอทยูพาร์ค บางนา) ย่านบางนา และคอมมูนิตี้มอลล์ Meet UP (มีทอัพ) แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง ภายในปีนี้ ขณะที่ร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ (Taokaenoi Land) ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายของฝากประเภทขนมขบเคี้ยวโดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยว ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเปิดสาขาใหม่ที่เทอร์มินอล 21 พัทยา ซึ่งขยายเพิ่มเติมจากสาขาเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ (Asiatique The Riverfront)