LEO ควัก 160 ล้านบาท เปิดตัว “LEO COLDBOTIC” ศูนย์จัดเก็บ-กระจายสินค้า แห่งแรกในไทย
LEO ทุ่ม 160 ล้านบาท เปิดตัว “LEO COLDBOTIC” ศูนย์จัดเก็บ-กระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะระบบ Automation & Robot สำหรับเก็บไวน์แห่งแรกของไทย หวังต่อยอดธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics โตต่อเนื่อง พร้อมวางเป้าปี 68 ดันสัดส่วนธุรกิจ 30-35% ของรายได้รายได้รวม แย้มผลงานไตรมาส 4/67 ฟื้นเด่นรับบาทอ่อนและธุรกิจ Non-Freight สดใส มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 15-20%
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัว “LEO COLDBOTIC” คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่ใช้ระบบ Automation & Robot ระบบอัจฉริยะใช้ Robot ทำงานแทนมนุษย์ แห่งแรกของประเทศไทยที่ใช้เก็บสินค้าประเภทไวน์ ตั้งอยู่ในบริเวณท่าเทียบเรือสหไทยฯ จังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้งบลงทุน 160 ล้านบาท และยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับการอนุมัติจากทางกรมศุลกากรให้เป็นคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) ซึ่งลูกค้าที่มาใช้บริการสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ในเรื่องภาษีนำเข้าของการใช้คลังสินค้าทัณฑ์บนทุกประการ และยังเป็น Bonded Cold Chain Logistics Center ที่ตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าของกรุงเทพมหานครมากที่สุด
สำหรับ LEO COLDBOTIC เป็นการให้บริการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า (Warehouse / Logistics Center) แบบครบวงจร ที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิฉริยะควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์และใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนมนุษย์ด้วยระบบ 4-ways shuttle Automatic รายแรกของประเทศไทยในการจัดเก็บสินค้าประเภท Wine & Spirit สามารถจัดเก็บสินค้าประเภทไวน์ ในระหว่างช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ 15-18 องศาเซลเซียส ได้มากกว่า 1.2 ล้านขวด
นอกจากนี้ยังสามารถนำเสนอบริการโลจิสติกส์ได้อย่างครบวงจรในลักษณะ End-to-End Global Logistics เหมาะสำหรับลูกค้าในกลุ่มผู้นำเข้าไวน์ ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม และร้านอาหาร เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังได้รับสิทธิ์ BOI ประเภทกิจการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย (Distribution Center: DC)
สำหรับไฮไลท์ของ LEO COLDBOTIC อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ห้อง Wine tasting สำหรับลูกค้าที่มาเก็บไวน์ที่คลังของเรา บริษัทยังได้จัดพื้นที่นำเสนอไวน์ให้กับลูกค้า สามารถนั่งชิมไวน์ในบรรยากาศหรูหรา รวมถึงมีห้องประชุมสำหรับพูดคุยเรื่องธุรกิจเพิ่มเติมด้วย สำหรับ LEO COLDBOTIC ปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการแล้วราว 10% ของพื้นที่ทั้งหมดเกือบ 3 พันตารางเมตร และจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/67 เป็นต้นไป ส่วนธุรกิจนี้จะมีรายได้ราว 50 ล้านบาทต่อปีจากการใช้บริการพื้นที่ราว 90% ขณะที่คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่ใช้ระบบ Automation & Robot ระบบอัจฉริยะใช้ Robดังกล่าวช่วยลดต้นทุนราว 10 ล้านบาทต่อปี
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/67 บริษัทฯเชื่อมั่นว่าธุรกิจจะฟื้นตัวดี เนื่องจากแนวโน้มค่าเงินบาทเริ่มอ่อนตัว โดยคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต15-20% โดยบริษัทฯเชื่อมั่นว่านับตั้งแต่ไตรมาส 4/67 บริษัทฯจะมีการเติบโตของรายได้และกำไรขั้นต้นจากการรับรู้รายได้ของหน่วยธุรกิจใหม่ๆ เช่น โครงการ Self-Storage และ Wine Storage สาขา ถนนพระราม 4 โดยรายได้ของธุรกิจ Self-Storage มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อีกทั้งในโครงการอื่นๆที่ได้มีการจัดตั้งในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ การขนส่งทางรางไปยังประเทศจีน-ลาว ของบริษัท LaneXang Express,การขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศของบริษัท Sritrang Leo Multimodal Logistics,การให้บริการศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้า ของบริษัท Advantis Leo และการส่งออกสินค้าทุเรียนไปยังประเทศจีนจากบริษัท LEO Sourcing & Supply Chain ซึ่งบริษัทดังกล่าวเหล่านี้จะทำให้เกิดรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีสัดส่วนของรายได้มาเป็น 30-35% จากยอดรวมของบริษัทฯใน 1-2 ปีข้างหน้า
สำหรับปัจจุบันสัดส่วนรายได้บริษัท 9 เดือนแรก 2567 มี 4 ส่วนประกอบด้วย 1) การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือ (Sea Freight) สัดส่วน 77% ของรายได้รวม ,2) การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ (Air Freight) สัดส่วน 5% ของรายได้รวม
3) การบริการด้านบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร (Integrated Logistics Services) ซึ่งประกอบด้วย การขนส่งภายในประเทศ การบริการดำเนินเป็นพิธีการศุลกากร และบริการเสริมอื่นๆ สัดส่วน 16% ของรายได้รวม และ 4) ธุรกิจให้เช่าพื้นที่เก็บของขนาดเล็กและธุรกิจรับฝากตู้สินค้า (Self-Storage and Container Depot Service) ซึ่งประกอบด้วย บริการให้เข่าพื้นที่เพื่อจัดเก็บสิ่งของตามความต้องการของลูกค้า การบริการพื้นที่รับฝากและซ่อมตู้คอนเทนเนอร์สัดส่วน 2% ของรายได้รวม