KKPS มอง SAWAD ปรับกลยุทธ์คุมเข้ม “ปล่อยสินเชื่อ”-เร่งลด NPL โบรกเคาะเป้า 50.50 บาท

บล.เกียรตินาคินภัทร มอง SAWAD ปรับตามกลยุทธ์การคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ พร้อมเร่งปรับลดหนี้ NPL ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50.50 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 9% จากคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นตามคาด โดยมีอัตราส่วนลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตที่เกิดขึ้นใหม่ (NPL Formation) และต้นทุนสินเชื่อโดยรวมลดลง

ทั้งนี้ กำไรสุทธิของ SAWAD ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 คิดเป็น 72% ของประมาณการทั้งปี 2567 ของทางฝ่ายนักวิเคราะห์ โดยยังเป็นไปตามการคาดการณ์รายได้จาก spread ของ SAWAD ลดลง 5% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่หดตัวลงและอัตรากำไรสุทธิจากดอกเบี้ย (NIM) ที่ลดลง

ขณะเดียวกันอัตราการเติบโตของสินเชื่อหดตัวลง 3% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยหลักแล้วเป็นผลมาจากการลดลงของสินเชื่อเช่าซื้อราว 4% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามกลยุทธ์การคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ ขณะที่ NIM ยังคงลดลงตามผลตอบแทนจากสินเชื่อที่หดตัว 0.51% จากไตรมาสก่อนหน้า และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น 0.28% จากการปรับราคาพันธบัตร

ทั้งนี้ คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นตามที่คาดไว้ โดย NPL formation ลดลง 0.19% จากไตรมาสก่อนหน้าจากพอร์ตโฟลิโอหลักที่มั่นคงลดลง 0.01% และการลดลงของสัญญาเช่าซื้อ (HP formation) ลดลง 0.41%

ส่วนอัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้นเป็น 3.49% (เพิ่มขึ้น 0.09% จากไตรมาสก่อนหน้า) จากสินเชื่อที่เติบโตน้อยลง ในขณะที่จำนวนเงินที่แน่นอนยังค่อนข้างคงที่ อีกทั้งต้นทุนสินเชื่อลดลงเหลือ 1.89% (ลดลง 0.28% จากไตรมาสก่อนหน้า) โดยเป็นผลมาจากต้นทุนสินเชื่อสำหรับพอร์ตโฟลิโอหลักที่ลดลง 0.59% แม้ว่าต้นทุนสินเชื่อของ SCAP จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.4% (+0.36%) แต่ก็ส่งผลให้มี coverage ratio ที่สูงขึ้นเป็น 73% (+4% จากไตรมาสก่อนหน้า) เนื่องจากการกันเงินสำรองมีมากกว่า NPL

แม้ว่า NIM ที่ปรับตามความเสี่ยงของ SAWAD จะลดลงเล็กน้อยเหลือ 13.1% จาก 13.5% ในไตรมาส 2/67 แต่ ROA ทำกำไรได้ดีขึ้นเป็น 4.65% (+0.23% จากไตรมาสก่อนหน้า) จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นและอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (CIR) ที่คงที่ ในขณะเดียวกัน ROE ลดลงเล็กน้อยเหลือ 16.6% (ลดลง 0.19% จากไตรมาสก่อนหน้า) เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ลดลง ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 50.50 บาท

Back to top button