ERW เปิดงบ Q3 กำไรเหลือ 125 ล้านบาท หด 16% เซ่นต้นทุนการเงินพุ่ง
ERW เปิดงบไตรมาส 3/67 กำไรเหลือ 125 ล้านบาท ลดลง 16% จากช่วงปีก่อน เหตุต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรงวด 9 เดือนแรกปี 67 แตะ 902 ล้านบาท
บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 มีกำไร ดังนี้
บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 124.53 ล้านบาท ลดลง 16.02% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 148.29 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและยอดเงินกู้จากสถาบันการเงินเพื่อสนับสนุนการลงทุนของบริษัทฯ และค่าเสื่อมราคาจากการเปิดโรงแรมใหม่ในระหว่างกาล
โดยบริษัทบันทึกค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 255 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนในงวด 9 เดือน ปี 67 มีค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 733 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น จากการเปิดโรงแรมใหม่
อีกทั้ง ฯ มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่ 179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ งวด 9 เดือน มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยรวม 532 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากสถาบันการเงินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและยอดเงินกู้จากสถาบันการเงินที่ เพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อทรัพย์สินของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เอราวัณ โฮเทล โกรท และการลงทุนโครงการโรงแรมในประเทศ ญี่ปุ่นและไทย
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปี 67 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 902.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.74% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 528.82 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากมีรายได้จากการดำเนินงานรวมก่อนรายการพิเศษ อยู่ที่ 5,689 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บันทึกกำไรระดับ EBITDA ก่อนรายการพิเศษ อยู่ที่ 1,802 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและกำไรสุทธิก่อนรายการพิเศษ 536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อรวมผลรายการพิเศษจากส่วนแบ่ง
อีกทั้งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ใช้วิธีส่วนได้เสียอยู่ที่ 238 ล้านบาท และกำไรจากผลต่างของสินทรัพย์สิทธิการใช้และหนี้สินตามสัญญาเช่าจากการเปลี่ยนแปลงสัญญาเช่า อยู่ที่ 129 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯบันทึกกำไรสุทธิ อยู่ที่ 903 ล้านบาท หรือ เติบโต 71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ ผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงแรมระดับ 5 ดาวจนถึงชั้นประหยัด ในงวด 9 เดือน โรงแรมในกลุ่มนี้มีรายได้จากการดำเนินงานรวม อยู่ที่ 4,347 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากอาหารและเครื่องดื่มอยู่ที่ 1,006 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและกำไรระดับ EBITDA อยู่ที่ 1,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ กลุ่มโรงแรม ฮ็อป อินน์ ประเทศไทย มีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และกำไรระดับ EBITDA อยู่ที่ 331 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
รวมถึงกลุ่มโรงแรม ฮ็อป อินน์ ประเทศฟิลิปปินส์มีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและกำไรระดับ EBITDA อยู่ที่ 143 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนกลุ่มโรงแรม ฮ็อป อินน์ ประเทศญี่ปุ่น มีรายได้รวมจากการประกอบกิจการโรงแรมอยู่ที่ 5,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ส่วนห้องพัก อยู่ที่ 4,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% และรายได้ค่าอาหารและเครื่องดื่มอยู่ที่ 1,006 ล้านบาท คงที่จากงวดเดียวกันของปีก่อน และกำไรระดับ EBITDA อยู่ที่ 1,802 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%จาก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน