PCE ปักหมุด Q4 โตแกร่ง ดีมานด์น้ำมันปาล์มในไทยพุ่ง วางเป้าขยายตลาดจีน-อินเดีย

PCE ปักหมุดแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 เติบโตแกร่ง จากดีมานด์การใช้น้ำมันปาล์มในประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่อง พร้อมวางเป้าหมายจะขยายตลาดไปในจีนและอินเดีย เพื่อเพิ่มการส่งออกให้มีสัดส่วนรายได้ 50:50 โดยปัจจุบันรายได้มาจากส่งออกสัดส่วน 37% และภายในประเทศสัดส่วน 63%


นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล ตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day เมื่อวันที่ 15 พ.ย.67 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 8,888.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น79.30% จากงวดเดียวของปีก่อนมีรายได้รวม 4,956.42 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 186.88 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 2.47 ล้านบาท

โดยบริษัทฯรับอานิสงส์จากการได้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ น้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้น และปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลัก เช่น น้ำมันปาล์มดิบกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPO), น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) และน้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นายพรพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 PCE คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากดีมานด์การใช้น้ำมันปาล์มในประเทศที่ยังคงเติบโต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมโอเลโอเคมิคอล โดยประเมินว่าในปี 2567 การบริโภคน้ำมันปาล์มในประเทศ และความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จะขยายตัวเฉลี่ยระดับ 6-7% โดยระบุว่า รายได้เซอร์วิส 1% มีสาระสำคัญที่ทำให้เกิดรายได้ 99% ของบริษัท ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ปัจจัยทั้งจากเรื่องการเทรดดิ้งน้ำมันปาล์มและการผลิตการจัดซื้อวัตถุดิบต่างๆของบริษัท ซึ่งส่งผลให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยปัจจุบันรายได้ของ PCE มาจากการส่งออกสัดส่วน 37% และภายในประเทศสัดส่วน 63% ซึ่งวางเป้าหมายจะขยายตลาดไปในจีนและอินเดีย สำหรับเพิ่มการส่งออก Export เพื่อให้มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 50:50 รวมถึงการมีพาร์ทเนอร์ต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัท มีความพร้อมที่จะขยายตลาดต่างประเทศ ยังคาดหวังว่าจะเป็นผู้นำ Export น้ำมันในอนาคต

นายกีรติ ไชยะกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบัญชีและการเงิน PCE กล่าวอีกว่า บริษัทฯมีความมั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในโค้งสุดท้ายของปี 2567 จะเติบโตอย่างเข้มแข็ง หลังจากงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 21,538.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,071.02 ล้านบาท หรือ 16.63% จากงวดเดียวของปีก่อน 18,467.10 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 396.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.50% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 195.96 ล้านบาท และสูงกว่ากำไรรวมทั้งปี 2566 ที่อยู่ในระดับ 310.73 ล้านบาท และคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโต 10-15% ตามแผนงานที่วางไว้

นอกจากนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมาย 2-3 ปีข้างหน้า ว่าให้ความสำคัญเรื่องการขยายโรงสกัดและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องต่างๆ ทั้งสองส่วนจะขยายเติบโตขึ้น Growth Profit Margin โรงงานยังมุ่งเน้นในเรื่องโรงสกัด เพราะทุกวันนี้ยังต้องพึ่งน้ำมันปาล์มดิบของบุคคลภายนอกถึง 75% และบริษัทผลิตได้เอง 25%

ขณะเดียวกันบริษัท วางกลยุทธ์รับมือคู่แข่ง เนื่องจาก PCE มีความแข็งแกร่งด้านโลจิสติกส์ และยังต้นทุนควบคุมได้ดี โดยต้นทุนในการจัดจำหน่ายลดลง 6.40% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และได้รับผลดีจาก Economy of Scale ขณะที่ท่ามกลางกระแสน้ำมันโลกผันผวน มองว่าคู่แข่งในตลาดสามารถผันให้มาเป็นคู่ค้ากันได้ ในการแลกเปลี่ยนส่วนที่ต่างฝ่ายต่างไม่มี รวมถึงสร้างคู่ค้ากับต่างประเทศให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย โดยการเพิ่มรายได้และกำไรให้เติบโตเพิ่มขึ้น ได้รับปัจจัยหนุนจากการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์หลักมีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากความต้องการของลูกค้าที่เป็น Strategic Partner และมีลูกค้าใหม่ที่ทำสัญญาระยะยาวกับบริษัทฯอีกด้วย

“PCE วางกลยุทธ์กุญแจสำคัญในปี 2568 มีดังนี้ 1.ขยายความจุสกัดน้ำมันปาล์มจาก 90 ตันต่อชั่วโมง เพิ่มเป็น 135 ตันต่อชั่วโมงหรือจาก 300 ตันต่อวัน ให้เพิ่มเป็น 700 ตันต่อวัน 2.พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมาร์จิ้นที่สูงขึ้นและมีความผสมผสานกันได้ 3.ขยายตลาดทุก Segment ทั้งภายในประเทศและการส่งออกต่างประเทศ และ 4. เน้นให้ความสำคัญกับรายได้ที่เติบโตแบบระยะยาว” นายกีรติ กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button