จับตาราคา JAS โบรกอัพเป้า 2.52 บ. คว้าสิทธิ์ยิงสด “พรีเมียร์ลีก”
“จัสมิน” มั่นใจกวาดสมาชิก 3 ล้านรายในปีแรก หลังคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก กลยุทธ์เด็ด 400 บาทต่อเดือนชมได้ทุกแมตช์ ด้าน บล.กสิกรไทย ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย เป็น 2.52 บาท จากเดิม 2.01 บาท รับรายได้ใหม่ บัวหลวง ระบุสมาชิก 1.1-1.2 ล้านราย ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว MONO รับเละกำไรเพิ่ม 3-4 เท่า เป้าหมาย 1.80 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย. บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ได้จัดการประชุมนักวิเคราะห์ประจําไตรมาส 3/2567 ซึ่งประเด็นสำคัญที่ชี้แจง คือ ลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก (EPL) และเอฟเอคัพเป็นเวลา 6 ฤดูกาล
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้บริหาร JAS คาดว่าจำนวนผู้ชม EPL ในไทยสูงถึง 6 ล้านคน ขณะที่ค่าธรรมเนียมรายเดือนเก็บไม่เกิน 400 บาท ซึ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจแฟนคลับ EPL ที่รับชมแมตช์ต่าง ๆ จากแพลตฟอร์มนอกระบบ เข้ามาใช้บริการในระบบมากขึ้น
ทั้งนี้ JAS ยังเดินหน้าใช้ระบบการถ่ายทอดสดแบบ OTT แทนระบบถ่ายทอดสดแบบ DTH นอกจากนี้ผู้บริหาร JAS เริ่มเจรจากับพันธมิตรด้านโทรคมนาคม พันธมิตรด้านธนาคาร พันธมิตรด้านสปอนเซอร์ และพันธมิตรด้านสื่อทันที และ ผู้บริหารมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้าน บริการวิดีโอสตรีมมิ่งในไทย โดยใช้ประโยชน์จากความนิยมของ EPL สิทธิในการถ่ายทอดสดแบบลิขสิทธิ์ และกลยุทธ์ด้านราคาที่เหมาะสม
ในการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหาร JAS มั่นใจว่าจะมีสมาชิกแบบชำระเงินราว 3 ล้านรายในปีแรก เนื่องจากคอนเทนต์ EPL ซึ่งเป็นที่นิยม และการตั้งราคาได้อย่างเหมาะสม โดย ณ ปัจจุบัน สมาชิกแบบชำระเงินผ่าน MonoMax จ่ายเงินประมาณ 100 บาทต่อเดือน สำหรับคอนเทนต์ซีรีส์เอเชีย และจะจ่าย 400 บาทต่อเดือนสำหรับทุกแมตช์การแข่งขันของ EPL รวมกับซีรีส์เอเชีย ขณะนี้ JAS จ่ายเงินให้ MONO 50 บาทต่อสมาชิกที่ชำระเงินต่อเดือน สำหรับการจัดการด้านการตลาดและการจัดจําหน่าย JAS TV
โดยปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับ JAS จาก “ขาย” เป็น “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 อิงด้วยวิธี SOTP เป็น 2.52 บาท แสดงให้เห็นว่าข้อตกลง EPL จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับ JAS และเชื่อว่าข้อตกลงความร่วมมือที่กำลังจะมีขึ้นกับพันธมิตรด้านโทรคมนาคม พันธมิตรด้านสปอนเซอร์ และพันธมิตรด้านสื่อ จะทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นในความสำเร็จของ ข้อตกลงนี้ และมองเชิงบวกต่อธุรกิจขุดบิตคอยน์ หรือ BTC และการลงทุน BTC ของบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS หลังจากที่ราคา BTC พุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ของ JAS ขึ้น 25.5% จาก 2.01 บาท เป็น 2.52 บาท โดยนำมูลค่าข้อตกลง EPL และมูลค่าทางบัญชีของอาคาร JAS มารวมในการประเมินมูลค่าหุ้นใหม่ ซึ่งเพิ่มมูลค่าข้อตกลง EPL ได้ 1.02 หมื่นล้านบาท หรือ 1.22 บาทต่อหุ้น และอาคาร Jasmine ได้ 1.60 พันล้านบาท หรือ 0.18 บาทต่อหุ้น
นอกจากนี้ยังปรับเพิ่มมูลค่าตามสัดส่วนของ JTS จาก 1.80 พันล้านบาท เป็น 2.90 พันล้านบาท หรือ 0.35 บาทต่อหุ้น โดยนำมูลค่าตลาดของ BTC ที่ถืออยู่มารวมด้วย และ ลดมูลค่าของ 3BBIF ลง 27.6% จาก 2.20 พันล้านบาท เป็น 1.60 พันล้านบาท หรือ 0.19 บาทต่อหุ้น หลังจากที่ JAS ขายหุ้นบางส่วนในตลาด และหักมูลค่าที่แท้จริง ของ JAS-W4 ออก เนื่องจากมีการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอย่างมีประสิทธิผล สุดท้ายลดเงินสดในมือในปัจจุบันลงจาก 7.8 พันล้านบาท เป็น 4.8 พันล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มองว่า JAS จะถึงจุดคุ้มทุน หรือ Break Even จากการลงทุนลิขสิทธิ์ EPL ที่จำนวนสมาชิก 1.1-1.2 ล้านราย ซึ่งเป็นเลขเดิมที่ทรูมีฐานในมืออยู่แล้ว กลุ่มพันธมิตรหลัก คาดว่าจะเป็น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC
นอกจากนี้มีความเป็นไปได้ที่รูปแบบการแบ่งรายได้กับ Mono Max จะอิงตัวเลขเดิมที่เคยจ่าย สำหรับ 3BB Giga TV ที่ให้ Mono ที่ 50 บาท/ราย/เดือน อิงตัวเลข 1 ล้านรายจะคิดเป็นรายได้ส่วนเพิ่มให้กับ Mono ที่ 600 ล้านบาท โดยต้นทุนส่วนใหญ่คือ ค่า Platform ที่มีอยู่แล้ว มีเพียงระบบ Cloud ที่ต้องเพิ่มเข้ามาเพื่อรองรับ และค่าการตลาด
เพราะฉะนั้นกำไรส่วนเพิ่ม Mono จะคิดเป็น 300 ล้านบาท/ปี เทียบกับกำไรปกติของ Mono ที่ไม่ถึง 100 ล้านบาท/ปี คิดเป็นกำไรส่วนเพิ่ม 3-4 เท่า ถ้าอิง per 20 เท่า จะได้ราคาเหมาะสมที่ 1.80 บาท แต่หากอิงเป้าหมายสมาชิก 3 ล้านราย กำไรส่วนเพิ่มจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 900 ล้านบาท