PCC โชว์รายได้ 9 เดือนแตะ 4.3 พันลบ. มั่นใจปีนี้เติบโต 10%

PCC รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือนปีนี้ กวาดรายได้ 4,307.95 ล้านบาท  เติบโต 28.49% ขณะที่กำไรสุทธิ 282.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.67% เทียบช่วงปีก่อน หลังยอดขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายเพิ่ม งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและงานระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะหนุน มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อน


นายกิตติ  สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PCC ผู้ให้บริการโซลูชั่นนวัตกรรมด้านดิจิทัลกริดอัจฉริยะ (Smart Grid Digitalization) เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 67 ของกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 4.3 พันล้านบาท  เพิ่มขึ้น 955 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 28.5 % เทียบช่วงปีก่อนมีรายได้เท่ากับ 3.35 พันล้านบาท โดยมีสัดส่วนโครงสร้างรายได้ แบ่งเป็น รายได้จากการขาย 48.6% และรายได้จากการให้บริการและโครงการก่อสร้าง 51.2% ของรายได้รวม

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯมีรายได้จากการขายสำหรับงวด 9 เดือนปี 67 เท่ากับ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 138 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 7.1%  เทียบช่วงปีก่อนมีรายได้เท่ากับ 1.95 พันล้านบาท เนื่องจากการขายสินค้าให้กลุ่มลูกค้าภาครัฐและเอกชนที่เป็นผู้รับเหมาหลักของงานสถานีไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ปัจจัยหลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้ 1.รายได้ขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย 2.รายได้ขายกลุ่มสินค้าสวิตช์ตัดตอนชนิดต่างๆ ได้แก่ โหลดเบรคสวิตซ์ 3.รายได้ขายระบบควบคุมและป้องกันสำหรับสถานีไฟฟ้า และ 4.รายได้ขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ได้แก่ มิเตอร์ และ อุปกรณ์รีเลย์ป้องกัน

ขณะที่มีรายได้จากการให้บริการและโครงการก่อสร้างมีรายได้เท่ากับ 2.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น  833 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 60.6%  เทียบช่วงปีก่อนมีรายได้เท่ากับ 1.3 พันล้านบาท ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโต ดังนี้ 1.งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง จากงานโครงการสถานีไฟฟ้าแรงสูง 500/230 kV แม่เมาะและลำพูน 2.งานระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ 3.งานบริการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ระบบควบคุมอุปกรณ์ในระบบจำหน่าย จากงานโครงการติดตั้งขยายของงาน FDI (Feeder Device Interface) 4 ภาค ซึ่งเป็นสัญญาต่อเนื่องของงานโครงการ SCADA ที่จบโครงการไปแล้ว และ 4. งานบริการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง จากการงานติดตั้งอุปกรณ์ โหลดเบรคสวิตช์

โดยงวด 9 เดือนปี 67 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.5 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.67% เทียบจากช่วงปีก่อนที่ 260 ล้านบาท สาเหตุหลักที่กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากการควบคุมต้นทุน และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ

นายกิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อน โดยคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตที่ดีในไตรมาส 4/67 โดยบริษัทมีการพัฒนาเทคโนโลยีสมาร์ทกริดและโซลูชั่นส์พลังงานอัจฉริยะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน ซึ่งสมาร์ทกริดเป็นระบบการจัดการพลังงานไฟฟ้าที่ช่วยให้การจ่ายพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการใช้งานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นเทรนด์สำคัญในด้านพลังงานที่หลายประเทศกำลังให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนและลดการปล่อยคาร์บอน  พร้อมกันนี้ บริษัทยังเข้าร่วมประมูลโครงการอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทฯได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ทำจากไผ่ (Bamboo-based Innovative Products) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการส่งเสริม การพัฒนาที่ยั่งยืน และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยไม้ไผ่สามารถนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางธุรกิจในการสร้างนวัตกรรมที่ใช้วัสดุธรรมชาติและสามารถย่อยสลายได้ เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแนวทางหลักของบริษัทในการพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ในอนาคต และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน

Back to top button