นายกฯ มั่นใจ GDP ทั้งปีโต 2.6% เร่งกระตุ้นลงทุนภาค “เอกชน”

นายกฯ มั่นใจ GDP ทั้งปีโต 2.6% เร่งกระตุ้นลงทุนภาค “เอกชน” หลังสภาพัฒน์ เผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3/67 ขยายตัว 3% ดีเกินคาด


ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (19 พ.ย.67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/67 ขยายตัว 3% และคาดการณ์ว่าทั้งปี 67 จะขยายตัว 2.6% ถือเป็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนภาครัฐ และการท่องเที่ยว แต่การลงทุนภาคเอกชนยังต้องเพิ่มได้อีก จึงได้สั่งการให้ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปเร่งหามาตรการเพื่อช่วยการลงทุนภาคเอกชนให้มากขึ้น เพื่อทำให้ GDP ขยับมากขึ้น

ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง กรณีสภาพัฒน์ ประเมิน GDP ไทยในปีนี้ไว้ที่ 2.6% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าที่รัฐบาลประเมินไว้ 3.5% ซึ่งแตกต่างกันมาก ว่า ขอให้รอดูตัวเลขจริงก่อน ต้องรอดูสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 4 นี้ ซึ่งตนอยากให้ดูตัวเลขภาพรวม ซึ่งพบว่า ในไตรมาส 3 ดีมาก ส่วนไตรมาส 4 เรื่องการวิเคราะห์ต่าง ๆ ของกระทรวงคลังก็ออกมาดีมากเช่นกัน

ส่วนปี 68 การคาดการณ์ตัวเลขออกมาน่าจะดูดีด้วย จึงเป็นแนวโน้มที่ดีของภาวะเศรษฐกิจไทย และได้เห็นจากการลงทุนภาครัฐที่ฟื้นตัวแรง การท่องเที่ยวถือเป็นตัวเลขที่ดีขึ้น จึงต้องรักษาศักยภาพนี้อย่างต่อเนื่อง

เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง และรัฐบาล ที่จะต้องรักษาแรงส่งเศรษฐกิจนี้ให้ดี และยืนยันว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ยังอยูที่ 4.3% ซึ่งเป็นตัวเลขของกระทรวงการคลัง” นายเผ่าภูมิ กล่าว

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 68 การเติบโตในภาพรวมจะต้องสูงกว่าปีนี้ เพราะเห็นเศรษฐกิจที่ผงกหัวขึ้น ในมิติของตัว GDP และประเด็นสำคัญ ถ้าไปดูสถิติในรอบหลายปี จะเห็นว่าทั้งปีนี้และปีหน้า จะเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ (potential growth) ถือเป็นมิติที่ดี ส่วนในระยะยาวสิ่งที่เกิดขึ้น คือ ต้องมีการยกระดับศักยภาพการเติบโตของประเทศให้ได้มากกว่านี้ ด้วยการลงทุนในระยะยาวต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น

ส่วนกรณีที่สภาพัฒน์ฯ ประเมินว่า จะมีความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้า จากผลของนโยบายการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่อาจจะกระทบต่อภาคส่งออกของไทยนั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการพูดคุยเรื่องนี้ จึงมีการเสนอมุมมองในเชิงบวก เช่น มาตรการต่าง ๆ ที่กำลังจะออกมา จึงต้องดูในรายละเอียด ซึ่งอาจจะเป็นในเชิงบวกไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ได้

ดังนั้น จึงไม่ควรมองในมิติว่าจะเกิดอะไรขึ้นในด้านลบ แต่แน่นอนว่า จะต้องมีการเตรียมตัวไว้ในมิติต่าง ๆ ว่า หากเกิดสิ่งนี้จะต้องรับมืออย่างไร ซึ่งในภาพใหญ่เศรษฐกิจของโลก จะเห็นได้ว่ามีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในทางที่ดี ซึ่งเศรษฐกิจโลกที่ดี ก็คือคู่ค้าที่มีกำลังซื้อมากขึ้น ก็จะส่งผลให้การส่งออกเติบโตมากขึ้น ดังนั้นต้องดูใน 2 มิติ ไม่ใช่ดูแค่ปัญหาและอุปสรรคอย่างเดียว แต่ต้องมองถึงโอกาสด้วย

Back to top button