“ปูติน” ปรับเกณฑ์ใช้ “อาวุธนิวเคลียร์” สงคราม “ยูเครน” สหรัฐฯ ส่งอาวุธโต้ “กองทัพหมีขาว”

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีประเทศรัสเซีย ได้อนุมัติหลักการนิวเคลียร์ฉบับใหม่ ที่มีสาระสำคัญ เรื่องลดเงื่อนไขการใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยสามารถพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธทั่วไป ที่สร้างภัยคุกคามร้ายแรงต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของรัสเซีย หรือพันธมิตรเบลารุส

ระเบียบใหม่นี้ ระบุว่า การโจมตีใด ๆ โดยประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ จะถือเป็นการโจมตีร่วมกัน และการโจมตีโดยสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรทางทหารใด ๆ จะถือเป็นการโจมตีโดยพันธมิตรทั้งหมด

การประกาศล่าสุดนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่รัสเซีย กล่าวว่า ยูเครนได้ใช้ ขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐฯ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย โดยเฉพาะในเขต Bryansk ด้วยขีปนาวุธจำนวน 6 ลูก ซึ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียสามารถสกัดกั้นได้ 5 ลูก และทำความเสียหายได้ 1 ลูก

ขณะที่ นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะถือว่านี่เป็นระยะใหม่เชิงคุณภาพของสงครามตะวันตกต่อต้านรัสเซีย และจะตอบโต้อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งเชื่อว่า การโจมตีดังกล่าวต้องใช้บุคลากรและข้อมูลของสหรัฐฯ

แต่ทั้งนี้ ล่าสุดมีรายงานอ้างอิงเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนปัจจุบัน ได้อนุมัติส่งมอบ “ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” หรือ Anti-Personnel Mine ให้ยูเครน โดยคาดว่า ทุ่นระเบิดฯ ของสหรัฐฯ อาจช่วยชะลอการรุกคืบของรัสเซียในดินแดนตะวันออกได้ช้าลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ที่สหรัฐฯ จัดหาให้ ทั้งนี้สหรัฐฯ ยังคาดว่า ยูเครนจะใช้ทุ่นระเบิดในดินแดนของตัวเอง แต่ยกเว้นพื้นที่ที่มีพลเรือนอาศัยอยู่

รายงานข่าวระบุด้วยว่า สหรัฐฯ ได้จัดหาทุ่นระเบิดต่อต้านรถถังให้กับยูเครนตลอดระยะเวลาที่สู้รบกับรัสเซีย แต่การจัดหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเพิ่มเติมดังกล่าว เพื่อลดการรุกคืบของกองกำลังภาคพื้นดินของรัสเซีย

ทุ่นระเบิดของสหรัฐฯ แตกต่างจากของรัสเซีย โดยทุ่นระเบิดของสหรัฐฯ เป็นแบบไม่ถาวร และจะไม่ระเบิดหลังจากพ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ รวมถึงทุ่นระเบิดเหล่านี้ต้องใช้แบตเตอรี่จึงจะระเบิดได้ และจะไม่ระเบิดเมื่อแบตเตอรี่หมด