“ศุภชัย” ซีอีโอเครือซีพี ร่วมเสวนางาน “Forbes Global CEO Conference”
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ซีอีโอเครือซีพี ร่วมเสวนางาน “Forbes Global CEO Conference” เผยมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์โลก และอนาคตทางเศรษฐกิจไทย
นายศุภชัย เจียรวนนท์ รองประธานอาวุโสและซีอีโอของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แสดงมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์โลกในปัจจุบันเกี่ยวกับอนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในงาน Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ปี 2024 ที่กรุงเทพฯ โดยเน้นให้เห็นถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการพัฒนา Entertainment Complex เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของประเทศในช่วงสี่ถึงห้าปีข้างหน้า
นายศุภชัยคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะเห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวคาดว่าจะถึง 40 ล้านคนในปี 2025 นอกจากนี้ยังเชื่อว่าธุรกิจค้าปลีกและไฮเปอร์มาร์เก็ตจะเติบโตตามไปด้วย โดยคาดว่าธุรกิจค้าปลีกจะเติบโตราว 10% ในปีนี้ และไฮเปอร์มาร์เก็ตและ Cash and Carry จะเติบโต 7%
สำหรับคาสิโน คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้ถึงเก้าพันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับประเทศไทย และจะเป็นอันดับสองรองจากลาสเวกัส อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยยังต้องทำการประเมินเพิ่มเติม หากมีแผนการดำเนินงานที่ดี จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก
นายศุภชัย กล่าวว่า ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด แม้จะมีการแข่งขันในตลาดโลกสูง แต่ทิศทางยังคงเป็นไปในทางบวกด้วยแรงผลักดันจากภาครัฐที่มีแรงกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศ พร้อมทั้งแสดงการชื่นชมรัฐบาลไทยที่มีการวางแผนอย่างมีวิสัยทัศน์และมีนโยบายสนับสนุนการลงทุน โดยคาดว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะมีอัตราการขยายตัวเกินกว่า 2.8% ในอนาคต
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการตั้งกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ โดยนายศุภชัยมองว่าประเทศไทยได้วางตำแหน่งได้ดีสามารถอยู่กลางระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่มีมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว เปรียบเทียบจีนเป็นเหมือน “พี่ใหญ่” และสหรัฐฯ เป็น “เจ้านาย” ซึ่งประเทศไทยสามารถทำหน้าที่เป็นสื่อกลางสำคัญในการเชื่อมโยงมหาอำนาจของโลกทั้งสอง
ในแง่ของโอกาสการลงทุน นายศุภชัยยังคงให้ความสนใจในเอเชีย เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตสูง พร้อมทั้งแสดงความหวังว่าความขัดแย้งในเมียนมาร์จะคลี่คลายลงอย่างรวดเร็วและสันติ ในขณะที่จีนที่เป็นประเทศที่สองของโลกในด้านเศรษฐกิจ ก็ยังคงอยู่ในรายการพิจารณาของเขาสำหรับการลงทุนเพิ่มเติม และเชื่อว่าจะสามารถฝ่าฟันวิกฤตด้านอสังหาริมทรัพย์
นายศุภชัยยังมองยุโรปเป็นเป้าหมายการลงทุนที่ดี ส่วนในสหรัฐนั้นยังต้องยอมรับว่าต้องมีการประเมินนโยบายภาษีด้วยเช่นกันว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร อย่างไรก็ตาม CPF ซึ่งเป็นบริษัททางเกษตรที่มุ่งเน้นในประเทศไทย อาจจะได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าน้อยกว่า ในการสนทนาถึงแนวโน้มในอนาคต นายศุภชัยให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการจัดการข้อมูล โดยเริ่มต้นตั้งแต่ในระดับผู้บริหารจนถึงระดับการดำเนินงาน การนำ AI เข้ามาใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยกระตุ้นการเติบโต ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความเข้าใจลูกค้า
นอกจากนี้นายศุภชัยเชื่อว่าเป้าหมายด้านความยั่งยืนต้องเริ่มจากผู้บริหารที่มีความเข้าใจและนำการแปลงขยะให้เป็นผลิตภัณฑ์ออกมาใช้ แม้ว่าจะกล่าวถึงความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 แต่เขาก็ยกย่องการผลักดันพลังงานนิวเคลียร์ของรัฐบาลว่าเป็นก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืน