CGSI มอง SET วันนี้ยืนเหนือ 1,450 จุด ชู 2 หุ้นเด่น CPALL-AMATA
“บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล” มอง SET วันนี้จะสามารถยืนเหนือ 1,450 จุดได้ หากหลุด 1,450 จุด มองเป็นจังหวะในการเข้าสะสมหุ้นไทยเพิ่มเติม พร้อมชู 2 หุ้นเด่น CPALL-AMATA
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ประเมิน SET วันนี้ (21 พ.ย.67) จะสามารถยืนเหนือ 1,450 จุดได้ หากหลุด 1,450 จุด มองเป็นจังหวะในการเข้าสะสมหุ้นไทยเพิ่มเติม จากปัจจัยหนุนในประเทศ ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังการประชุมบอร์ดเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 19 พ.ย. มีมติ 1) อนุมัติโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 สำหรับผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป วงเงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ก่อนวันที่ 29 ม.ค. 2025
2) การให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้เบ็ดเสร็จอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ และ SME และ 3) เห็นชอบการแจกเงินไร่ละ 1,000 บาท เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้ของเกษตรกร รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาส 3/67 (โต 3% จากปีก่อน) ที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์ โดยยังมองว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 4/67 มีโอกาสขยายตัว 4% จากปีก่อน เป็นอย่างน้อยจากการแจกเงินรอบแรกและไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว
สำหรับตัวเลขและประเด็นทางเศรษฐกิจในประเทศหลังอัยการสูงสุด ไม่รับดำเนินการ คดีทักษิณ – เพื่อไทยล้มล้างการปกครอง จับตาวันศุกร์นี้ 22 พ.ย.67 กรณีศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณารับ-ไม่รับคำร้อง ทักษิณ ชินวัตร ล้มล้างการปกครองฯ โดยคาดการณ์ว่าศาลรัฐธรรมนูญน่าจะตัดสินว่าพรรคเพื่อไทยและนายกฯ แพทองธาร ไม่มีความผิด
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์คลายตัวลงหลัง นายวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวว่าพร้อมพูดคุยและหารือกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำย่อตัวหลังปรับขึ้นแรงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น
ด้านหุ้นแนะนำ ได้แก่
CPALL : มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 6.2 พันล้านบาท (โต 44% จากปีก่อน, โต 1% จากไตรมาสก่อน) ในไตรมาส 3/67 หรือสูงกว่าประมาณการของเรา 4% และสูงกว่า Bloomberg consensus 9% โดยมีปัจจัยหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่สูงกว่าคาดการณ์ของธุรกิจร้านสะดวกซื้อและกำไรที่แข็งแกร่งกว่าคาดของ CPAXT โดยร้าน 7-Eleven ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่โต 3.3% ในไตรมาส 3/67 หนุนโดยยอดซื้อต่อบิลที่เพิ่มขึ้น 2.4% จากปีก่อน และจำนวนลูกค้าที่เข้ามาในร้านเพิ่มขึ้น 0.5% จากปีก่อน
โดยคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 จะยังมีอัตราการเติบโตแข็งแกร่งจากปีก่อน แม้จะต่ำกว่าในไตรมาส 3/67 เล็กน้อย หลังผลดีจากค่าไฟฟ้าที่ลดลงค่อยๆ หมดไป (Take profit : 64.75 / Stop loss : 62.00)
AMATA : มีกำไรสุทธิเติบโตสูงถึง 231% จากไตรมาสก่อน และ 93% จากปีก่อน เป็น 765.1 ล้านบาทในไตรมาส 3/67 เพราะยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินฟื้นตัวแข็งแกร่ง และ SG&A, ดอกเบี้ยจ่ายและส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยต่ำกว่าคาด และคาดการณ์ว่ายอดขายที่ดินใหม่และยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจะเพิ่มเป็น 2,500 ไร่และ 1,285 ไร่ในปี 67
โดย AMATA มียอด backlog สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.94 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3/67 ซึ่งแบ่งเป็น backlog ใน ไทย 1.76 หมื่นล้านบาทและในเวียดนามอีก 1.8 พันล้านบาท โดย backlog ในไทยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 4/67 ถึงปี 68 ส่วน backlog ในเวียดนามจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 69 จึงคาดการณ์ว่าไตรมาส 4/67 จะเป็นไตรมาสที่ AMATA ทำกำไรสุทธิสูงสุดในปีนี้ (Take profit : 29.25 / Stop loss : 27.50)