“หยวนต้า” มอง SET ปี 68 แตะ 1,600 จุด “ดาต้าเซ็นเตอร์-กระตุ้นเศรษฐกิจ” ดาวเด่นหุ้นไทย
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองแนวโน้ม SET ปี 68 แตะ 1,600 จุด คาด EPS อยู่ที่ 97 บาทต่อหุ้น เติบโต 12% พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นเด่น รับเบิกจ่ายงบภาครัฐ กระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงเทรนด์ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์มาแรง เล็งเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในอีก 3-4 ปีข้างหน้า
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานสัมมนา “YUANTA THAILAND’S INVESTMENT INSIGHTS 2025” ภายใต้หัวข้อ “SPOTTING K-SHAPED RECOVERY” เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่มีชื่อเสียง และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ประเทศเวียดนาม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้นักลงทุนสถาบันได้รับข้อมูลเชิงลึกของแต่ละบริษัท ตลอดจนสามารถพัฒนาและเพิ่มพูนความรู้ด้านการเงินการลงทุน
โดย นายจารุชาติ บูชาชาติ นักกลยุทธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้ม SET Index ในปี 2568 อยู่ที่ระดับ 1,600 จุด คาดการณ์ EPS อยู่ที่ 97 บาทต่อหุ้น เติบโต 12% และประเมินแนวโน้ม SET สิ้นปี 2567 อยู่ที่ระดับ 1,450 จุด คาดการณ์ EPS อยู่ที่ 92 บาทต่อหุ้น เติบโต 20%
ด้านกลยุทธ์การลงทุนในปี 2568 แนะนำกลุ่ม Yield Play อย่างไฟแนนซ์ เช่น SAWAD มองสำรองลดลง และ NPL ปรับตัวดีขึ้น,สาธารณูปโภค) และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War (นิคมอุตสาหกรรม: AMATA, WHA, ICT, สาธารณูปโภค) รวมถึงกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจและนโยบายภาครัฐ ยังคงมีมุมมองบวกต่อ CPAXT และ CPALL
นอกจากนี้ยังมีธีมลงทุน Data Center เน้นกลุ่มโรงไฟฟ้า คือ GPSC และ SYMC ส่วนธีมเวชภัณฑ์ยา คือ BDMS และ TMAN
ขณะที่เสถียรภาพทางการเมืองและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากงบประมาณรัฐบาล คาดจะช่วยผลักดัน GDP ไทยเติบโต 3.2% จาก 2.8% ในปีนี้ อีกทั้ง FDI มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในกลุ่มเทคโนโลยีและนิคมอุตสาหกรรม
สำหรับปัจจัยบวกต่อ SET Index ในปี 2568 ได้แก่ Valuation ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงทั่วโลกที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย ขณะที่เสถียรภาพทางการเมืองและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากงบประมาณรัฐบาล คาดจะช่วยผลักดัน GDP โต 3.2% จาก 2.8% ในปีนี้ อีกทั้ง FDI มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในกลุ่มเทคโนโลยีและนิคมอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาความเสี่ยงจากนโยบาย America First ของทรัมป์ที่อาจชะลอการลดดอกเบี้ยและทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็ง รวมถึงความตึงเครียดทางการค้า (Trade War)
อย่างไรก็ดี ทางบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เตรียมวางแผนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในอีก 3-4 ปีข้างหน้า และพร้อมเป็นผู้นำบริษัทหลักทรัพย์ในตลาดเอเชีย
ด้าน นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับการจัดงานในครั้งนี้มีผู้บริหารระดับสูงจาก 33 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกันกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของมูลค่าตลาดในประเทศ ยังมีผู้บริหารของบริษัทชั้นนำในประเทศเวียดนามจำนวน 5 บริษัท ที่มาร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจเวียดนามและเจาะลึกโอกาสการลงทุนในตลาดเวียดนาม ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนเป็นอย่างมาก
Mr.Matthew Smith Vietnam Head of Research มองว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวจาก 1) โครงสร้างประชากรวัยทำงานที่ยังเติบโตจนถึงปี 2578 2) การขยายตัวของชนชั้นกลางที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 3) การเติบโตของตัวเลข FDI จากการฐานการผลิตเข้ามาในประเทศ
สำหรับปี 2568 เศรษฐกิจยังคงเติบโตจากการอัปเกรดดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม (VNI) เข้าสู่ตลาด FTSE และการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งหลังของปี 68 โดยคาดการณ์เป้าดัชนี VNI ปี 68 จะอยู่ที่ 1,539 จุด เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ เช่น อัตราดอกเบี้ย, ความขัดแย้งทางการเมือง, และความล่าช้าในการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์จากปัจจัยทางการเมืองในประเทศ กลยุทธ์การลงทุน แนะนำกลุ่ม 1) ไฟแนนซ์ VCB, ACB, HDB 2) สาธารณูปโภค MWG, PNJ 3) เทคโนโลยี FPT