SAPPE ดีด 3% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 93 บาท ชี้ยอดส่งออก Q4 พุ่งต่อ-คุมต้นทุนเยี่ยม
SAPPE ดีด 3% โบรกแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 93 บาท ชี้ยอดส่งออก Q4 พุ่งต่อจากอินโดนีเซีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อเมริกา รวมถึงการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 พ.ย. 2567) ราคาหุ้น บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ณ เวลา 11:06 น. อยู่ที่ระดับ 79.00 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 3.27% สูงสุดที่ระดับ 79.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 77.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 89.22 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ (20 พ.ย.67) ว่าผู้บริหาร SAPPE ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เพิ่มขึ้น 15-20% จากทุกประเทศที่เติบโต การทาการตลาดเพิ่มช่องทางจาหน่ายมากขึ้น และในประเทศเจาะกลุ่มลูกค้า Gen-C เน้น e-commerce มีช่องทางการขายทุกแพลตฟอร์ม สำหรับการส่งออก 1) ตลาดเอเชียอินโดนีเซียเริ่มกลับมา ฟิลิปปินส์มีกิจกรรมแคมเปญ MGxSeventeen ที่ประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากผู้บริโภค 2) ตลาดยุโรปยังท้าทายเกิดจากการล่าช้าของแผนการขยายสาขาในเครือข่าย ModernTrade
3) ตะวันออกกลาง ทำโปรโมชั่นในร้านค้าและแคมเปญโซเชียลมีเดียบนแพลตฟอร์มต่างๆเพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์และเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค 4) ตลาดอเมริกาเพิ่มสินค้าช่องทางหลักบางช่องทางในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และใช้ประโยชน์จากช่องทางการจัดจำหน่าย Mogu Mogu มีการแนะนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บริษัทคาดอัตราทากาไรขั้นต้นใกล้เคียงกับปี 2567 จากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการล๊อกราคาวัตถุดิบและแพคเกจจิ้ง 6 เดือนแล้วช่วยชดเชยกับค่าเสื่อมไลน์ผลิตที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ขยายกำลังการผลิตไลน์ใหม่ 3 ไลน์ ปี 2567 เพิ่มไลน์ผลิตใหม่เรียบร้อยแล้วในไตรมาส 2/2567 เพิ่มกำลังการผลิตได้ 25% งบลงทุน 400 ล้านบาท ค่าเสื่อม 9 ล้านบาท/ไตรมาส แต่จะชดเชยกับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น และบริษัทได้สิทธิทางภาษี BOI สำหรับ 5 ปีรวมมูลค่า 275 ล้านบาท หรือปีละ 55 ล้านบาท เริ่มใช้สิทธิตั้งแต่ ก.ย. 2567 และปี 2568 เพิ่ม 1 ไลน์ผลิต ช่วยเพิ่มกาลังการผลิต 25-30% และสร้างคลังสินค้างบลงทุนรวม 1,630 ล้านบาท คาดค่าเสื่อมเริ่มไตรมาส 2/2568 และปี 2569 เพิ่ม 1 ไลน์ผลิต เพิ่มกาลังการผลิตได้ 20-25% งบลงทุน 750 ล้านบาท รวมกำลังการผลิตจาก 1.59 แสนตัน/ปี เป็น 3.29 แสนตัน/ปี
โดยคาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2567 คาดเติบโตจากงวดเดียวของปีก่อน และทรงตัวจากไตรมาสก่อน จากรายได้การส่งออกกลับมาเพิ่มขึ้นจากอินโดนีเซีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อเมริกา ยกเว้นและประเทศเกาหลีใต้ทรงตัว และโซนยุโรปเนื่องจากหนาวนาน และคาดยอดขายในประเทศยังเติบโต ยังคงประมาณการเดิมปี 2567-2568 กำไรยังเติบโตได้ 20%, 13% และ 14% ตามลำดับ จากคาดรายได้ส่งออกเติบโต 15% จากกาลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและการส่งออกที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น การส่งออกกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ขยายตลาดใน Modern Trade และ Traditional trade สำหรับในประเทศยังคงคาดเพิ่มขึ้นปีละ 10% จากการทาการตลาดออกสินค้าใหม่ คาดอัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นตามกาลังการผลิตเพิ่มขึ้น จากต้นทุน packaging ที่ปรับตัวลดลง
ดังนั้นยังคงคาแนะนำ “ซื้อ” จากโอกาสการเติบโตในการขยายตลาดส่งออกต่อเนื่องทาการตลาดทั้งoffline และ online เข้าถึงช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ และพัฒนาสินค้าใหม่ รวมถึงการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 93 บาท