CAZ แจง 4 ประเด็นปม UJV เบี้ยวจ่ายหนี้โครงการ CFP วิกฤติฐานะการเงิน
CAZ แจง 4 ประเด็นตามตลาดหลักทรัพย์ฯ ซักถาม ปม UJV ชะลอการชำระหนี้ หลังอยู่ระหว่างเจรจาเจ้าของโครง CFP คาดได้ข้อสรุปเดือนพ.ย.ถึงต้นเดือนธ.ค.นี้ และมีแผนดำเนินการเริ่มจ่ายชำระหนี้ทั้งหมด ภายใน 3-6 เดือน เริ่ม ม.ค.68
บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CAZ แจ้งผ่าน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงรายละเอียดตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ชี้แจงข้อมูลที่ผู้สอบบัญชีให้ข้อสังเกดหมายเหตุประกอบงบการเงินชื่อ 3 ซึ่งระบุว่าลูกค้ารายหนึ่งของบริษัทซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักในงานก่อสร้างโครงการแห่งหนึ่งมีการชำระเงินล่าช้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระเเสเงินสดและสภาพคล่องของบริษัท โดยคำถามมีรายละเอียด ดังนี้
1.ข้อมูลโดยสังเขปของงานโครงการก่อสร้างและผู้ว่าจ้าง (ลูกค้ารายดังกล่าว) ระยะเวลาในการให้เครดิตเทอมและสาเหตุที่ได้รับชำระเงินล่าช้าจากลูกค้ารายดังกล่าว
2.ลูกค้ารายดังกล่าวเป็นลูกหนี้ที่นำไปเป็นหลักประกันการกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน – สินเชื่อแฟคตอริ่งหรือไม่หากนำไปเป็นหลักประกันด้วย ขอให้ชี้แจงผลกระทบที่เกี่ยวข้อง
3.ความเพียงพอของการบันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวนเงินที่ได้รับชำระแล้ว ยอดคงเหลือและจำนวนเงินที่คาดว่าจะได้รับในช่วงระยะเวลาต่างๆ ตามที่ตกลงร่วมกัน รวมถึงมาตรการติดตามลูกหนี้การค้าที่ค้างชำระและมาตรการติดตามการรับชำระค่าจ้างกรณีที่มีงานที่ต้องส่งมอบแก่ลูกค้าร้ารายดังกล่าวเพิ่มเติม
4.ผลกระทบต่อฐานะการเงิน สภาพคล่องและการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน และหากไม่ได้รับชำระเงินตามที่ตกลง
โดยจากคำถามข้างต้นทั้งหมด บริษัทขอชี้แจงในรายละเอียด ดังนี้ 1.บริษัทมีการเซ็นสัญญารับเหมาก่อสร้างกับผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) ตั้งแต่ปี 2562 คือ กิจการร่วมค้า พีเอสอีเอแอล เอสเอสไอเอ็นจี และเอสอีที (UJV) ซึ่งประกอบด้วย บริษัท ปีโตรแฟค เซาท์ อีสท์ เอเซีย จำกัด (Petrofac), บริษัท ไซเพม (สิงคโปร์) จำกัด (Saipem), บริษัท ซัมซุง อีแอนด์เอ (ประเทศไทย) จำกัด (Samsung) ในงานก่อสร้างโครงการพลังงานสะอาด หรือ Clean Fuel Project (CFP) ซึ่งโครงการตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี
โดยตั้งแต่เริ่มดำเนินงานก่อสร้างโครงการ CFP นี้ จนถึง ณ วันที่ 31 ตุลาดม 2567 บริษัทมีการเซ็นสัญญากับ UJV รวม 4 สัญญา มูลค่าสัญญาและงานส่วนเพิ่มต่างๆ รวมจำนวน 7,330 ล้านบาท มีเงื่อนไขเทอมการชำระเงิน 45 วัน หลังได้รับใบแจ้งหนึ่ง ซึ่งตลอดระยะเวลาการทำงานที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มดำเนินงานก่อสร้างในปี 2562 UJV มีการชำระเงินเต็มจำนวนมาโดยตลอด และระยะเวลาการชำระเงินของใบแจ้งหนี้แต่ละรายการเป็นการชำระใบแจ้งที่เกินกำหนดไม่ถึง 90 วัน
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 เป็นต้นมา UJV เริ่มชะลอการจ่ายชำระหนี้ให้แก่บริษัท โดยงบการเงินระหว่างกาล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทมียอดลูกหนี้การค้าที่เกินกำหนดชำระหนี้ จำนวนวน 887 ล้านบาท สินทรัพย์ที่เกิดจากสัญญาจำนวน 682 ล้านบาท หนี้สินที่เกิดจากสัญญาจำนวน 200 ล้านบาท ลูกหนี้เงินประกันผลงานตามสัญญาจำนวน 113 ล้านบาท และงานโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและยังไม่รับรู้รายได้ (Backlog) รวมจำนวน 912 ล้านบาท (มูลค่างานนี้จะมีการทยอยดำเนินการก่อสร้างไปต่อเนื่องอันเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาที่บริษัทไม่สามารถหยุดงานได้) ทั้งนี้ UJV ได้แจ้งต่อบริษัทถึงเหตุผลในการชะลอการจ่ายชำระหนี้เนื่องจาก UJV กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาขอเรียกเงินส่วนเพิ่มการดำเนินงานโครงการ CFP กับเจ้าของโครงการ และ UJV คาดว่าจะได้ข้อสรุปจากเจ้าของโครงการภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนถึงประมาณกลางเดือนธันวาคม 2567 นี้
พร้อมกันนี้ บริษัทมีการดำเนินการติดตามทวงถามและเจรจาเพื่อการชำระหนี้จาก UJV อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ทาง UJV ขอเจรจาจ่ายชำระหนี้เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก่อสร้างโครงการ CFP ของบริษัทเพียงบางส่วนมีระยะเวลาการจ่ายชำระคือตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567
ส่วนที่เหลือทั้งหมดเมื่อได้ข้อสรุปเรื่องการขอเงินส่วนเพิ่มจากเจ้าของโครงการแล้ว UJV จะส่งเอกสารยืนยันแผนการชำระเงินให้แก่บริษัทต่อไป ซึ่งแผนการชำระเงินดังกล่าว UJV จะส่งให้แก่บริษัทหลังจากที่มีการทำสัญญาเพิ่มเติมกับเจ้าของโครงการเรียบร้อยแล้วซึ่ง UJV คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2567 ถึงต้นเดือนมกราคม 2568 โดยเวลาการจ่ายชำระหนี้ของ UJV กำหนดไว้ที่จะจ่ายชำระหนี้ทั้งหมดภายใน 3-6 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป
2.จากการประเมินข้อเท็จจริงที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน บริษัทเห็นว่า UJV อยู่ในระหว่างการดำเนินการต่างๆ กับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องของโครงการนี้เพื่อสรุปแผนการชำระเงินคืนหนี้ที่คงค้างทั้งหมดให้กับบริษัท ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบที่จะก่อให้เกิดการขาดทุนสำหรับหนี้ค้างชำระที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันทางบริษัทจึงพิจารณาที่จะรอผลสรุปของทาง UJV และเจ้าของโครงการ ตามที่ UJV ให้ข้อมูลว่าที่จะเกิดขึ้นภายในเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม 2567 นี้ก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการดำเนินการทางกฎหมายต่อยู่กรณีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อเรียกร้องให้ UJV ชำระเงินตามสัญญาจ้างทำของโดยการขึ้นดำเนินคดีต่อศาลแพ่งกรุงเทพได้ ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หากข้อสรุประหว่าง UJV และเจ้าของโครงการคลาดเคลื่อนไปจากที่กล่าวไว้ในข้อ 1 อันรวมถึงระยะเวลาและจำนวนเงินจ่ายชำระหนี้ไม่เป็นไปตามที่เจรจาไว้ ทางบริษัทก็จะดำเนินการทางกฎหมายได้อย่างทันท่วงที
3.การแก้ปัญหาสภาพคล่องในช่วงระยะที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ บริษัทบริหารกระแสเงินสดเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องโดยการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในส่วนของงานโครงการ CFP รวมถึงการเจรจาขอชะลอจ่ายชำระหนี้ต่อคู่ค้าของบริษัท รวมถึงการขอความอนุเคราะห์ต่อลูกค้ารายอื่นในการชำระหนี้งานโครงการเร็วกว่าเครดิตเทอมปกติเพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นไปอย่างต่อเนื่องในทุกโครงการ รวมถึงการใช้วงเงินสินเชื่อที่มีต่อสถาบันการเงินที่บริษัทใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในส่วนของวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง บริษัทได้ใช้ลูกค้า UJV เป็นหลักประกันสำหรับวงสินเชื่อแฟคตอริ่ง โดยเบิกตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้นมาเพื่อใช้ในการดำเนินงานโครงการ CFP
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการชะลอจ่ายชำระหนี้สำหรับใบแจ้งหนี้ที่บริษัทได้ทำแฟคตริ่งกับสถาบันการเงินดังกล่าว บริษัทได้มีการขอความอนุเคราะห์ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ รวมถึงแผนการชำระเงินไปที่สถาบันการเงินดังกล่าวแล้ว โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับการอนุมัติภายในเดือนธันวาคม 2567 นี้
ทั้งนี้ กล่าวโดยสรุปจากสถานการณ์การชะลอการชำระหนี้ของ UJV ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันส่งผลกระทบทำให้บริษัทมีการดำเนินการต่าง ๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นไปอย่างต่อเนื่องและพิจารณาที่จะรอผลสรุปของทาง UJV และเจ้าของโครงการที่จะเกิดขึ้นภายในเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม 2567 นี้ ตามที่ UJV ให้ข้อมูลไว้ ทั้งนี้เมื่อบริษัทได้รับความคืบหน้าเพิ่มเติมบริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ทราบต่อไป