“พาณิชย์” เปิดยอดตั้งธุรกิจใหม่ 10 เดือน แตะ 7.7 หมื่นราย มั่นใจปีนี้ทะลุ 9 หมื่นราย

“พาณิชย์” เปิดยอดตั้งธุรกิจใหม่ 10 เดือนแรก แตะ 7.7 หมื่นราย คาดทั้งปี 67 ยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เกิน 90,000 ราย


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่า ยอดจดทะเบียนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ยังมีปัจจัยกระตุ้นด้านการลงทุน อาทิ โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานปีงบประมาณ 2568 ที่จะเริ่มในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 67 (ต.ค.67) การจับจ่ายใช้สอยเพื่อการอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการยังขยายตัวในหลายภูมิภาค และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจในสถานการณ์การประกอบธุรกิจ และความเชื่อมั่นในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพิ่มขึ้นช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการใช้จ่ายให้กับภาคเศรษฐกิจไทย คาดว่าตลอดปี 67 จะมีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เกิน 90,000 ราย

โดยยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือน ต.ค.67 มีจำนวน 7,267 ราย เพิ่มขึ้น 620 ราย (9.33%) จากเดือน ต.ค.66 และทุนจดทะเบียน 30,149.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,938.03 ล้านบาท (10.80%) จากเดือน ต.ค.66 โดยประเภทธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 573 ราย ทุน 1,150.87 ล้านบาท,2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 524 ราย ทุน 1,954.06 ล้านบาท,3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 345 ราย ทุนจดทะเบียน 671.39  ล้านบาท

ขณะที่ยอดสะสม 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) มีจำนวน 76,953 ราย เพิ่มขึ้น 1,641 ราย (2.18%) จากช่วงเดียวกันของปี 2566 ทุนจดทะเบียน 238,630.39 ล้านบาท ลดลง 282,952.67 ล้านบาท (54.25%) จากช่วงเดียวกันของปี 2566 เนื่องจากมีทุนจดทะเบียนสูงสุดในประวัติการณ์ กรณีมี 2 ธุรกิจที่ทุนจดทะเบียนเกิน 100,000 ล้านบาทควบรวมและแปรสภาพ

ส่วนยอดจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือน ต.ค.67 มีจำนวน 2,516 ราย เพิ่มขึ้น 276 ราย (12.32%) จากเดือน ต.ค.66 และทุนจดทะเบียนเลิก 9,899.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 945.17 ล้านบาท (10.56%) จากเดือน ต.ค.66 ประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 218 ราย ทุน 389.14 ล้านบาท, 2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 108 ราย ทุน 3,202.14 ล้านบาท และ 3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 100 ราย ทุน 387.23 ล้านบาท

ขณะที่มียอดสะสม 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ที่ 14,762 ราย ลดลง 488 ราย (3.20%) จากช่วงเดียวกันของปี 2566 ทุนจดทะเบียนเลิกสะสม 125,904.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35,549.79 ล้านบาท (39.34%) จากช่วงเดียวกันของปี 2566 เนื่องจากในเดือน พ.ค.67 มีธุรกิจด้านโทรคมนาคมและการสื่อสาร 1 ราย ที่ทุนจดทะเบียนกว่า 48,209.34 ล้านบาท แต่มีการปรับโครงสร้างการดำเนินการและไม่ได้ประกอบกิจการใดแล้วจึงจดทะเบียนเลิกธุรกิจ เป็นเหตุให้ตัวเลขทุนจดทะเบียนเลิกสะสมในช่วง 10 เดือนปี 2567 สูงกว่าปกติ ซึ่งหากไม่รวมทุนจดทะเบียนเลิกของธุรกิจโทรคมนาคมรายนี้มูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกจะลดลงถึง 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ช่วง 10 เดือนปี 67 (ม.ค.-ต.ค.) ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 786 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 181 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 605 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 161,169 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 3,037 คน

โดยต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) ญี่ปุ่น 211 ราย (27%) ลงทุน 91,700 ล้านบาท 2) สิงคโปร์ 110 ราย (14%) ลงทุน 14,779 ล้านบาท 3) จีน 103 ราย (13%) ลงทุน 13,806 ล้านบาท 4) สหรัฐอเมริกา 103 ราย (13%) ลงทุน 4,552  ล้านบาท และ 5) ฮ่องกง 57 ราย (7%) ลงทุน 14,461 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติในช่วง 10 เดือนปี 67 มีจำนวน 251 ราย คิดเป็น 32% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปีนี้ เพิ่มขึ้น 141 ราย (เพิ่มขึ้น 128%) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการลงทุนจำนวน 45,739 ล้านบาท คิดเป็น 28% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้น 27,148 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 146%) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 86 ราย ลงทุน 16,184 ล้านบาท จีน 59 ราย ลงทุน 8,030 ล้านบาท ฮ่องกง 18 ราย ลงทุน 5,219 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 88 ราย ลงทุน 16,306 ล้านบาท

โดยประเภทธุรกิจที่เข้ามาลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม โดยเป็นการออกแบบทางวิศวกรรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์,2) ธุรกิจบริการออกแบบชิ้นส่วนยานยนต์ประเภทเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัย,3) ธุรกิจบริการติดตั้ง ทดสอบ ซ่อมแซม บำรุงรักษาและฝึกอบรมเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ และระบบการทำงานต่าง ๆ เพื่อติดตั้งระบบสายพานที่ใช้สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้า

4) ธุรกิจบริการระบบซอฟต์แวร์ฐาน (SOFTWARE PLATFORM) ซึ่งเป็นการให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับจัดการการจำหน่ายหรือเผยแพร่ผลงานเพลง และ 5) ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (อาทิ ชิ้นส่วนสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป, ชิ้นส่วนโฟมสำหรับอุตสาหกรรม เป็นต้น)

Back to top button