TMAN ปักหมุดรายได้ปี 67 โต 7% กางแผนขยายตลาด “มาเลเซีย-ฮ่องกง-จีน” ลุยฟิลเลอร์-ยาชา

TMAN ปักหมุดปิดท้ายไตรมาสสุดท้ายปี 67 เติบโตแข็งแกร่ง ดันรายได้ทั้งปีเติบโต 7% โชว์ไฮไลท์กลยุทธ์เด็ด ปี 68-70 เดินหน้ารุกตลาด มาเลย์-ฮ่องกง-จีน ชูสินค้า “ฟิลเลอร์-ยาชา” ขยายโอกาสธุรกิจเวชศาสตร์ความงาม


นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน)หรือ TMAN เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 บริษัทมีรายได้รวม 535.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.10% จากงวดเดียวของปีก่อน 469.60 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 104.20 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 15.71% จากงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 90.05 ล้านบาท ซึ่งมาจากธุรกิจหลักโดยเฉพาะรายได้จากการขายโพรโพลิซ (สเปรย์พ่นคอ) เม้าท์ สเปรย์ และยาแก้ไอยราเติบโตอย่างโดดเด่น

นายประพล กล่าวต่อว่า ด้วยสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงจากฤดูฝนสู่ฤดูหนาว ทำให้โรคติดเชื้อทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นส่งผลให้แนวโน้มดีมานด์การใช้ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์การดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลและช่วยบรรเทาอาการทางช่องปากและลำคอ กลุ่มยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จึงทำให้บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ยาใหม่ในช่วงไตรมาส 4/67 ทั้งเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จากแผนทั้งปีจะเปิดตัว 10-12 รายการ

ส่วนแนวโน้มโค้งสุดท้ายของปีนี้ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ TMAN เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอ ที่สามารถรักษาและการป้องกันโรค ทุกช่วงวัยของผู้บริโภค ทั้งกลุ่มโรคทางเดินหายใจ เม็ดอมบรรเทาอาการเจ็บคอแบรนด์ Propoliz และยาอมแก้เจ็บคอแบรนด์ Basina รวมทั้งกลุ่มยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) และได้เปิดตัว ยาแก้ไอ “ไอยรา อะฮ่า” สูตรใหม่ เจาะตลาดผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป อีกทั้งเพิ่มรายได้จากยาสามัญด้วยการการเปิดตัว ยาลดคอเลสเตอรอล, ยารักษาเบาหวาน และยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียส่งผลให้บริษัทฯ ขยายฐานกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลได้มากขึ้น รวมถึงกลุ่มคลินิก

นอกจากนี้ TMAN ให้ความสำคัญกับการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ผ่านการติดตามแนวโน้มอุตสาหกรรม สถิติอัตราผู้ป่วยโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นบ่อย สถานการณ์การระดับการติดเชื้อ การดูแลรักษาสุขภาพ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทุกช่วงเวลา โดยกำหนดกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ขยายฐานลูกค้าในโรงพยาบาล และเพิ่มสัดส่วนธุรกิจ OEM/ODM รวมถึงเพิ่มการจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อการเติบโตของรายได้จากการขยายจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศที่ได้ส่งออกไปกว่า 22 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป

ทั้งนี้  TMAN ยังได้เปิดตัวนวัตกรรมฟิลเลอร์และไหมร้อยหน้า “Rejunae” แบรนด์ Aesthetics จากเกาหลี ช่วยเสริมสร้างเติบโตของรายได้อย่างแข็งแกร่งช่วงไตรมาส 4 ซึ่งได้นำผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ยาใหม่ขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้าร้านขายยาโรงพยาบาล และโดยเฉพาะคลินิกเสริมความงาม คาดการณ์ว่าจบไตรมาส  4/67 หลังผ่านช่วง 9 เดือนแรกที่บริษัททำรายได้รวมถึง  1,645.92 ล้านบาท ดังนั้น TMAN ยังคงมั่นใจว่ารายได้ปีนี้เติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมยาที่ขยายเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 6-7%

ด้านนายตรัส อบสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ TMAN  กล่าวเพิ่มเติมถึง กลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจในช่วงปี 2568-70 มีดังนี้  (1) มุ่งเน้นสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและได้รับการยอมรับ (2) กระจายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางลูกค้าองค์กรที่เติบโตต่อเนื่อง (3) ขยายฐานลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาลและคลินิก (4) ขยายโอกาสกลุ่มยาและเครื่องมือแพทย์ครบวงจรในธุรกิจเวชศาสตร์ความงาม เช่น ฟิลเลอร์ และ ยาชา

(5) เพิ่มการเติบโตของรายได้จากการขยายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ จากเดิมมีรายได้จาก กัมพูชา พม่า และ ลาว ส่วนประเทศที่ได้ยอดขายใหม่เริ่มช่วงไตรมาส 4 ได้แก่ มาเลเซีย วางจำหน่ายในร้านขายยา มี 500 สาขาหลังผ่านไตรมาส 3, ฮ่องกง วางจำหน่ายใน WATSON และ7-11 และจีน จำหน่ายในตลาดช่องทางออนไลน์  (6) มีการวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่งต่อยอดเป็นนวัติกรรมเพื่อสุขภาพที่หลากหลายต่อเนื่อง (7) เพิ่มสัดส่วนธุรกิจจ้างผลิต (OEM/ODM) และธุรกิจรับจัดจำหน่าย และ (8) บริษัทมีทีมผู้บริหารและบุคลากรอยู่ในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป จึงทำงานแบบมีวิสัยทัศน์ ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยาและเพื่อสุขภาพเป็นอย่างดี

“สำหรับแนวโน้มปี 68-70 บริษัทฯ วางโครงการขยายกำลังการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันครั้งที่ 1 และโครงการปรับปรุงพื้นที่การผลิตยาแผนปัจจุบัน ด้วยมูลค่าโครงการ 140 ล้านบาท ส่วนในปี 69 บริษัทมีโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ บนพื้นที่เดิม เนื่องจากต้องการประหยัดและความได้เปรียบด้านต้นทุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นในปี 70 โครงการขยายกำลังการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันครั้งที่ 2” นายตรัส กล่าวทิ้งท้าย

Company Snapshot

Back to top button