ตำรวจ เค้นสอบ “ภรรยา-ลูกสาว” 6 ชม. รวด! ถูกโยงเอี่ยว “หมอบุญ” หลอกลงทุน 7.5 พันล้าน
ตำรวจ เค้นสอบ 6 ชั่วโมง ภรรยา-ลูกสาว หมอบุญ คดีฉ้อโกง 7.5 พันล้าน เผยคำให้การ เร่งตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ระบุคนที่ตกเป็นเหยื่อ หรือ ผู้เสียหายที่ถูก นพ.บุญและขบวนการหลอกให้ร่วมลงทุน สามารถเข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นคดีแพ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 พ.ย.67) ว่าจากกรณีศาลออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน หรือหมอบุญ อายุ 86 ปี เจ้าของ รพ.ดัง นางสาวจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี อดีตภรรยา และนางสาวนลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ลูกสาวพร้อมพวกรวม 9 คน ข้อหาฉ้อโกง สมคบกันฟอกเงินและ พ.ร.บ.เช็ค หลังเปิดโครงการใหญ่ล่อลวงมีผู้เสียหายแล้วกว่า 247 คน ลงทุน 5 โครงการ มูลค่าความเสียหยายกว่า 7.5 พันล้านบาท ชุดสืบสวนตามล่าตัวมาได้ 6 คน ส่วนอดีตเมียกับลูกเดินทางเข้ามอบตัวที่ บก.น.1 บช.น. และถูกควบคุมตัวไว้ที่ สน.พญาไท ในคืนวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าถูกปลอมลายมือชื่อเซ็นค้ำประกันเงินกู้ ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พ.ย.2567 ทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 กล่าวว่า เบื้องต้นอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบว่า มีการปลอมแปลงลายเซ็นต์ จากคนอื่นจริงหรือไม่ หากมีการปลอมแปลงจริงก็เป็นไปได้ว่า อาจจะมีผู้ก่อเหตุเกี่ยวข้องเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบกรณีดังกล่าว
พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวต่อว่า จากคดีดังกล่าวอาจต้องตรวจสอบโบรกเกอร์ที่ชักชวนผู้เสียหายให้มาร่วมลงทุนหรือกู้เงิน ส่วนลูกสะใภ้ของนพ.บุญจะถูกออกหมายจับด้วยหรือไม่ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ขณะนี้ยังไม่มีผู้ต้องหาเพิ่มเติมคดีดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากการสอบปากคำ นางจารุวรรณ และลูกสาวของนพ.บุญ 6 ชั่วโมง มีอาการอ่อนเพลียและขอพักการสอบปากคำแล้วมาต่อเพิ่มในวันนี้ (25 พ.ย.) เบื้องต้นจากการสอบปากคำทางผู้ถูกกล่าวหา ยังคงยืนยันว่าถูกปลอมแปลงลายเซ็นต์เท่านั้น ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวเสริม
ส่วนประเด็นที่ทางคณะพนักงานสอบสวนบก.น.1 จะเดินทางไปสอบปากคำเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) ในวันที่ 25 พ.ย.67 เพื่อจะดำเนินการตรวจสอบการรับจำนำหุ้นจริงหรือไม่
พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวอีกว่า กำลังตรวจสอบการธุรกรรมทางการเงิน ว่ามีการปลอมแปลงลายมือของผู้เสียหายหรือไม่นั้น ส่วนการติดตามจับกุมตัวนพ.บุญ ที่หลบหนีอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ประสานไปยังกองการต่างประเทศให้ทำหนังสือไปยังตำรวจสากล เพื่อขอออกหมายแดงให้ช่วยติดตามจับกุมหมอบุญแล้ว
สืบเนื่องจากไทยและจีน มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ต้องมีการทำหนังสือชี้แจงเพื่อขอความร่วมมือ
อย่างไรก็ตาม ฝากประชาสัมพันธ์คนที่ตกเป็นเหยื่อเช็คเด้งหรือเป็นผู้ค้ำประกัน และผู้เสียหายที่ถูกนพ.บุญและขบวนการหลอกให้ร่วมลงทุน สามารถเข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ โดยไม่ต้องกังวลว่าคดีดังกล่าวจะเป็นคดีแพ่ง เพราะจากการตรวจสอบพยานหลักฐานพบว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ประสงค์ต่อทรัพย์ซึ่งถือว่าเป็นเข้าข่ายความผิดในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เป็นคดีอาญาที่สามารถดำเนินคดีได้ พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวทิ้งท้าย