SPRC-BCP ท็อปพิก! พ้นช่วงปรับฐาน “ค่าการกลั่น” พ่วงรับปัจจัยบวกเฉพาะตัว

SPRC-BCP ท็อปพิก! พ้นช่วงปรับฐาน "ค่าการกลั่น" พ่วงรับปัจจัยบวกเฉพาะตัว และกลับมาฟื้นตัวเร็วกว่ากลุ่มในช่วงไตรมาส 4/2567 ถึงปี 2568


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จากกรณีกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีฯ เผชิญแรงกดดันในช่วงไตรมาส 3/67 ที่ผ่านมา ทั้งจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาถดถอย และจีนที่ฟื้นตัวช้าจะทำให้เกิดอุปทานส่วนเกินทั้งน้ำมันดิบ, น้ำมันสำเร็จรูป และเม็ดพลาสติก ฉุดราคาน้ำมันดิบ และ product spread หลัก ลดลง 6-15% จากไตรมาสก่อน (ยกว้น PET ที่ฟื้นตัวจากฐานต่ำ หลังโรงงานในจีนบางส่วนปิดตัว) ฉุดอัตรากำไรกลุ่ม รวมถึงมี stock loss และด้อยค่าสินทรัพย์ ก้อนใหญ่ กดดันราคาหุ้นในกลุ่มไป ลดลง 2-22% จากไตรมาสก่อนหน้าถึงปัจุบัน นำโดยโรงกลั่นและปิโตรเคมี ซึ่งคาดแนวโน้มกำไรกลุ่มจะกลับมาฟื้นในไตรมาส 4/67 นำโดยฝั่งโรงกลั่น จากความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงมากขึ้น, การปรับเลื่อนแผนของ OPEC+ และความต้องการใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว หนุนให้ stock loss ลดลง และ ค่าการกลั่นฟื้นตัว คาด OPEC+และสหรัฐอเมริกาไม่เร่งผลิต, อุปทานใหม่โรงกลั่นและปิโตรฯ เข้าน้อยลง

ทั้งนี้ คาดปี 2568-2569 กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ยังเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของขาอุปทานที่มาจากทั้งกำลังการผลิตใหม่และการกลับมาผลิตเพิ่มขึ้นตามการฟื้นของ demand การใช้น้ำมันและเม็ดพลาสติก มอง 1) ฝั่งปิโตรเคมีเผชิญ oversupply มากสุดกำลังการผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3-7% ต่อปี ยังเข้ามามากกว่าการเติบโตของ demand เพิ่มขึ้น 2% ต่อปี ส่วน 2) ฝั่งต้นน้ำ อุปทานที่ทยอยออกมาต่อเนื่องจากทั้งฝั่ง OPEC+ และ สหรัฐอเมริกา จะส่งให้ความตึงตัวของอุปทานลดลงต่อเนื่องส่งให้ราคาน้ำมันดิบทยอยลดกลับสู่ระดับปกติ จาก 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2567 เป็น 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลใน 2568-2569 (Vs. pre-COVID 2560-2562 อยู่ที่ราว 54-69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

และ 3) โรงกลั่น เป็นขาที่อุปทาน ตึงตัวน้อยลง โดยผ่านการปรับฐานของค่าการกลั่นไปแล้วในไตรมาส 2/2567 คาดเป็นฝั่งที่กลับมาฟื้นตัวชัดเจนสุดในกลุ่ม มองค่าการกลั่นทยอยฟื้นในไตรมาส 4/2567 ถึงปี 2568 กลับมาที่ระดับปกติ 5-6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ถือ” ต่อกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี มองกลุ่มยังอยู่ในช่วงการปรับฐานหลังอุปทาน ตึงตัวน้อยลงสำหรับฝั่งต้นน้ำและโรงกลั่น และ oversupply น้อยลงสำหรับฝั่งปิโตรเคมี (กำไรปกติกลุ่ม 2567-2568 เฉลี่ย ลดลง 0.1% และปี 2567-2569 เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4%) โดยเลือกฝั่งโรงกลั่นที่ผ่านช่วงการปรับฐานของค่าการกลั่น และกลับมาฟื้นตัวเร็วกว่ากลุ่ม ในช่วงไตรมาส 4/2567 ถึงปี 2568 จากไม่ได้เผชิญ oversupply จากกำลังการผลิตใหม่/การเพิ่มการผลิต แนะนำ top pick เป็น บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ที่ได้ประโยชน์การฟื้นตัวของ Gasoil เด่น

Back to top button