CGSI มองกรอบ SET วันนี้ 1,435-1,450 จุด ชู 2 หุ้นเด่น ITC-SC
“บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล” ประเมินกรอบ SET วันนี้ที่ 1,435-1,450 จุด แนะติดตามตัวเลขส่งออกไทยเดือน ต.ค. พร้อมชุ 2 หุ้นเด่น ITC-SC
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ประเมินกรอบ SET วันนี้ (26 พ.ย.67) ที่ระดับ 1,435-1,450 จุด เช้านี้ติดตามตัวเลขส่งออกไทยเดือน ต.ค. (26 พ.ย.) ตลาดคาดเติบโต 5.2% จากปีก่อน (vs เดือนก่อน 1.1%) เรามองว่าตัวเลขส่งออกเดือนต.ค.อาจจะมี Positive surprise หลังการเข้ามาของทรัมป์อาจจะทำให้กำแพงภาษีสูงขึ้น ทำให้เกิด restocking activities ก่อนเข้าสู่ปี 68
สำหรับปัจจัยต่างประเทศ พัฒนาการณ์ล่าสุด นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เสนอชื่อ นายสก็อตต์ เบสเซนต์ ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ “คีย์สแควร์ กรุ๊ป” ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังคนใหม่ของสหรัฐ ซึ่งตลาดมองเป็นบวก โดยเชื่อว่านายเบสเซนต์จะดำเนินมาตรการที่เอื้อต่อตลาดหุ้น รวมถึงเสถียรภาพของระบบการเงินสหรัฐ
ด้านปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ ติดตาม 1) รายงานการประชุม FOMC 2) ตัวเลข GDP ไตรมาส 3/67 ของสหรัฐฯ (ประมาณการครั้งที่ 2) ตลาดคาดเติบโต 2.8% จากไตรมาสก่อน, 3) ตัวเลขเงินเฟ้อ PCE เดือน ต.ค. ของสหรัฐฯ (27 พ.ย.) ซึ่งเป็นดัชนีราคาการใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล ตลาดคาดเติบโต 2.3% จากปีก่อน, โต 0.2% จากเดือนก่อน และ Core PCE ตลาดคาดการณ์เติบโต 2.8% จากปีก่อน, โต 0.3% จากเดือนก่อน และ 4) การเข้าสู่เทศกาล “Black Friday” หรือ ฤดูการจับจ่ายใช้สอยของสหรัฐฯ
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน ณ SET ที่ระดับต่ำกว่า 1,450 จุด หรือ บริเวณ 1,430-1,450 จุด มองเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสมหุ้นไทยเพิ่มเติม ณ บริเวณ ดังกล่าวข้างต้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ขณะที่หุ้นแนะนำ ได้แก่
ITC : เก็งกำไรตัวเลขส่งออกเดือน ต.ค. (26 พ.ย.) ตลาดคาดการณ์เติบโต 5.2% จากปีก่อน (vs เดือนก่อน 1.1%) โดยมองว่าตัวเลขอาจจะออกมามี Positive surprise ตัวเลขส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงยังเติบโตดีในไตรมาส 3/67 และเงินบาทอ่อนค่าอีกครั้งเป็นปัจจัยสนับสนุนกลุ่มส่งออก (Take profit : 21.70 / Stop loss : 20.80)
SC : คงประมาณการพรีเซลอยู่ที่ 2.65 หมื่นล้านบาทในปี 67 แต่ปรับเพิ่มประมาณการยอดโอนกรรมสิทธิ์ 6.6% เป็น 22.2 พันล้านบาท ไตร มาส 4/67 น่าจะเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดในปี 67 โดยคาดการณ์ว่า SC จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 767 ล้านบาท (โต 51.7% จากไตรมาสก่อน, ลดลง 20.7% จากปีก่อน) ในไตรมาส 4/67 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในปี 67 จากสนับสนุนจาก 1) การเพิ่มขึ้นของยอดโอนกรรมสิทธิ์และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยใหม่ที่มี GPM อย่างน้อย 30% 2) เราประมาณการว่าบริษัทจะมีกำไรที่รับรู้ครั้งเดียวจำนวน 50 ล้านบาทในไตรมาส 4/67 (Take profit : 3.00 / Stop loss : 2.88)