TWPC เตรียมตั้งบ.ย่อยใหม่ ขยายผลิตภัณฑ์ “มันสำปะหลัง” ดึง FNC ญี่ปุ่นถือร่วม 49%
TWPC ตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ขยายธุรกิจผลิต-จำหน่าย “ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง” ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท คาดจัดตั้ง ม.ค.68 ฟาก FNC บริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่นเล็งเข้าถือหุ้นร่วม 49% มูลค่าการลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท ภายใน มี.ค.68 เสริมการขยายตลาดสู่เอเชียแปซิฟิก
นางสาวจิตอาภา อัมราลิขิต Group Chief Financial Officer บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2567 ของ บริษัท ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ได้มีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศไทย โดยชื่อบริษัทที่จัดตั้งใหม่จะแจ้งให้ทราบในภายหลัง ซึ่งการจัดตั้งครั้งนี้มีทุนจัดทะเบียน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการค้า ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง คาดการณ์ว่าจะจัดตั้งเสร็จสิ้นภายในเดือนมกราคมของปี 2568
ทั้งนี้ บริษัทของชี้แจงเพิ่มเติมว่าในเบื้องต้นภายในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2568 Fuji Nihon Corporation (FNC) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งภายใต้กฎหมายญี่ปุ่นและมีหุ้นจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange TSE) คาดว่าจะเข้าลงทุนโดยการซื้อหุ้นในบริษัทย่อยใหม่ในสัดส่วนหุ้น 49% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทย่อยใหม่
โดยการลงทุนดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงที่บริษัทจะเข้าทำกับ FNC ต่อไป (ธุรกรรม) ภายหลังจากที่ FNC ได้ลงทุนในบริษัทย่อยใหม่ดังกล่าวแล้ว บริษัทจะถือหุ้น 51% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทย่อยใหม่ซึ่งบริษัทย่อยใหม่ยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทอยู่
บริษัทขอเรียนให้ทราบว่า FNC เป็นที่ยอมรับในด้านความเชี่ยวชาญในการผลิตและจัดจำหน่ายน้ำตาลทราย บริสุทธิ์และผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องกับน้ำตาล โดยธุรกิจหลักของ FNC ยังรวมถึงการผลิตและจำหน่ายอินนูลินและสารเติม แต่งอาหาร โดยความร่วมมือระหว่างบริษัทและ FNC ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของไทยวาในการน าเสนอ นวัตกรรมอาหารไปสู่ลูกค้าทั่วโลก
นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้ยังนับเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนกลยุทธ์ของไทยวาในการเป็นผู้นำธุรกิจเกษตรและอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ขยายโอกาสไปยังตลาดอื่น ๆ และใช้ประโยชน์จากความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับการดำเนินงานปัจจุบันเพื่อขยายเครือข่ายการกระจายสินค้า ตลอดจนช่วย เสริมสร้างห่วงโซ่คุณค่าระดับโลกของไทยวาให้แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลง ของลูกค้าทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้หากบริษัทเห็นว่ามีความคืบหน้าประการใดที่สำคัญสำหรับการทำธุรกรรม บริษัทจะรายงานให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบ
ขนาดของธุรกรรมดังกล่าวไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการก ากับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการท ารายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน (และที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 (และที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม)
นอกจากนี้ ธุรกรรมดังกล่าวยังไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันที่จะต้องปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการ ก ากับตลาดทุน ที่ ทจ. 21/2551เรื่อง หลักเกณฑ์ในการท ารายการที่เกี่ยวโยงกัน (และที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนใน รายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546 (และที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม)