‘ทรัมป์’ ย้ำขึ้นภาษีนำเข้า “จีน” 10% ฟาก “แคนาดา-เม็กซิโก” 25% แก้ปัญหายาเสพติด-ผู้อพยพ
“โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศย้ำเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้า “จีน” 10 % และ “แคนาดา-เม็กซิโก” 25% เพื่อเป็นการกดดันทั้งสามชาติแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติด-ผู้อพยพ
ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (26 พ.ย.67) สำนักข่าว “ซีเอ็นเอ็น” รายงาน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ซึ่งเตรียมที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 ม.ค.68 นี้ ประกาศย้ำเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐอเมริกา ทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา เม็กซิโก และ จีน ตามนโยบาย American First ตามที่ได้รณรงค์หาเสียงเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% จนกว่าจะเกิดการจัดการกับปัญหายาเสพติดโดยเฉพาะเฟนทานิล รวมถึงปัญหาผู้อพยพที่ข้ามชายแดนมาที่สหรัฐ อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อข้อตกลงการค้าเสรีของภูมิภาคที่ทรัมป์ผ่านร่างเป็นกฎหมายไว้เมื่อปี 63
ทรัมป์ ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม “ทรูธ โซเซียล” (Truth Social)ว่า ในวันที่ 20 ม.ค.68 นี้ จะดำเนินการลงนามรับรองเอกสารที่จำเป็นเพื่อขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% ทุกประเภทที่เข้ามาในตลาดสหรัฐ รวมถึงการระงับการเปิดชายแดนที่ไร้สาระเป็นอย่างแรก หลังจากเข้ารับตำแหน่งเรียบร้อย โดยสินค้าส่งออกของเม็กซิโกกว่า 83% ถูกส่งมาตีตลาดสหรัฐเมื่อปี 66 ขณะที่สินค้าส่งออกของแคนาดามาที่สหรัฐในปริมาณมากถึง 75%
ขณะที่ จีน ทรัมป์ ระบุว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มขึ้น 10% พร้อมกับอ้างว่า มีเรื่องจะต้องเจรจากับจีนหลายอย่าง เกี่ยวกับยาเสพติดจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เฟนทานิล” (Fentanyl) ที่ถูกส่งเข้ามาประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็ไม่มีความพยายามมากพอที่จะแก้ปัญหาในเรื่องนี้
ทั้งนี้ หลังจากทรัมป์ ประกาศเรื่องมาตรการขึ้นภาษีนำเข้า สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากกว่า 2% เทียบกับสกุลเงินเปโซของเม็กซิโก และเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ของแคนาดา รวมถึงดัชนีหุ้นนิเคอิลงมา 1% เช่นกัน
ด้าน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเม็กซิโก กล่าวว่า เม็กซิโกเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่สำคัญที่สุดของสหรัฐ และข้อตกลง USMCA (Us-Mexico-Canada Agreement) เป็นกรอบความร่วมมือที่ช่วยส่งเสริมการลงทุน ในด้านแคนาดายังไม่ได้ออกมาให้ความเห็น ในเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน โฆษกสถานทูตจีนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวว่า จีนเชื่อว่าความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ และจะไม่มีใครสามารถชนะสงครามการค้าหรือสงครามภาษีได้ พร้อมเน้นย้ำว่า จีนได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเฟนทานิลที่เข้าไปที่สหรัฐมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 66