TTW แย้มรายได้ Q4 เด่นต่อ รับยอดขายน้ำประปาพุ่ง-กางแผนปี 68 โต 5% พ่วงปันผลสูง
TTW แย้มไตรมาส 4/67 โตต่อ รับยอดขายน้ำประปาพื้นที่ “สมุทรสาคร-นครปฐม”-“ประทุมธานี-รังสิต” เพิ่มขึ้นตามแผนปรับแรงดันเพิ่มสถานีจ่ายน้ำ และการขยายตัวเมืองตามธุรกิจอสังหาฯ กางแผนปี 68 ดันยอดขายน้ำประปาโต 4-5% วางเป้าพื้นที่ “ประทุมธานี-รังสิต” แตะ 450,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน พร้อมเตรียมแผนรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ครบกำหนดพ.ค.68 วงเงิน 1.4 พันล้านบาท พ่วงย้ำแผนจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
นายชานนท์ อินทร์พิทักษ์ นักลงทนสัมพันธ์ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW เปิดเผยว่า เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 ว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3/2567 จำนวน 916.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 896.70 ล้านบาท เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรในบริษัทร่วม CKP ไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 297.50 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 255.30 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3/67 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,292.60 ล้านบาท
ส่วนสถานการณ์น้ำจาก 4 เขื่อนหลัก (ภูมิพล-สิริกิติ์-แควน้อยบำรุงแดน-ป่าสักชลสิทธิ์) ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำในเขื่อนประมาณ 89% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 61% ส่วนปริมาณน้ำที่ใช้การได้อยู่ที่ 62% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 47% ดังนั้นเมื่อดูจากตัวเลขดังกล่าวไม่น่ากังวลใดๆเกี่ยวกับปริมาณน้ำดิบที่จะสูบขึ้นมาผลิตน้ำประปา
อีกทั้งได้เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวในต้นเดือนพ.ย.และคาดว่าจะไปสิ้นสุดในเดือนก.พ.68 โดยมองอุณหภูมิโดยเฉลี่ยในเดือนม.ค.อยู่ที่ 0.5-1 องศา โดยมองว่าประมาณ 75% การพัฒนาของลานีญาจะเกิดขึ้นในช่วงพ.ย.และคาดลากไปถึงเดือนมี.ค.68 ทำให้โอกาสที่ฝนจะตกเพิ่มขึ้นสูงประมาณ 10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนการต่อเซ็นสัญญากับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ของบริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด (PTW) ได้มีการต่ออายุสัมปทานออกไปอีก 10 ปี จากวันที่ 15 ต.ค.2566 ไปจนถึงวันที่ 14 ต.ค.2576 และมีโอกาสต่อสัญญาได้อีก 10 ปี โดยภายใต้สัญญาฉบับใหม่ PTW บริหารจัดการผลิตน้ำประปาในรูปแบบการให้บริการไม่ได้มีการลงทุน(O&M)
ดังนั้นสัญญาใหม่ในการปรับราคาขายน้ำจะต้องอ้างอิงจากดัชนี CPI (Consumer Price Index) หรือดัชนีราคาผู้บริโภคของทั้งประเทศในเดือนก.ค.67 โดยล่าสุดอยู่ที่ +0.83% โดยปลายปีนี้จะนำไปคำนวณตามสูตรและจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการว่าราคาใหม่จะเป็นเท่าไหร่ โดยสัมปทาน PTW ราคาขายใน (MOQ) แรกอยู่ที่ 358,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรืออยู่ที่ราคา 6.50 บาท/ ลูกบาศก์เมตร และถ้าหากเลยระดับ MOQ แรกไปแล้วราคาจะอยู่ที่ 6.06 บาท/ ลูกบาศก์เมตรโดยราคาสะท้อนไปตามสัญญาเนื่องจากบริษัทไม่ใช่เจ้าของสินทรัพย์และไม่มีต้นทุนเรื่องค่าเสื่อมราคาจึงสะท้อนไปตามต้นทุนการผลิต
ด้านปริมาณขายน้ำในพื้นที่สมุทรสาคร-นครปฐม(TTW) มีอัตราการใช้กำลังผลิตในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ประมาณ 75% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 71% โดยพื้นที่สมุทรสาคร-นครปฐมถือเป็นรายได้หลักในภาคธุรกิจขายน้ำ โดยไตรมาส 3/67 สามารถขายได้อยู่ที่ 36.80 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเฉลี่ยประมาณ 400,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ส่วนในพื้นที่ปทุมธานี-รังสิต (PTW) ไตรมาส 3/67 มีอัตราการใช้กำลังผลิตอยู่ที่ประมาณ 89% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 78% โดยไตรมาส 3/67 สามารถขายน้ำได้อยู่ที่ 39.80 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเฉลี่ยประมาณ 434,256 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่วนปริมาณขายน้ำในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน(BIE) ไตรมาส 3/67 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
สำหรับแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/67 คาดว่าเติบโตไม่น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากพื้นที่ขายน้ำประปาหลัก “สมุทรสาคร-นครปฐม” คาดว่าจะมีการเติบโตเนื่องจากการแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมและมีการปรับปรุงสถานีเพิ่มแรงดันเป็นสถานีจ่ายน้ำ ซึ่งจะช่วยให้สามารถจ่ายน้ำได้ดีมากขึ้น นอกจากนี้พื้นที่ปทุมธานี-รังสิตคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกันเนื่องจากการเติบโตของเมืองและอสังหาริมทรัพย์ และราคาขายที่ปรับลดลงไป
ส่วนปี 2568 บริษัทตั้งเป้าปริมาณขายน้ำในฝั่งสมุทรสาคร-นครปฐม(TTW) แตะระดับ 430,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือเติบโต 4-5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 400,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่วนพื้นที่ปทุมธานี-รังสิต ตั้งเป้าปริมาณขายน้ำแตะ 450,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เติบโต 4-5% จากปัจจุบันเฉลี่อยู่ที่ 430,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 68 เน้นปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตน้ำให้กับผู้ใช้หลายๆพื้นที่ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทตั้งงบปรับปรุงประสิทธิภาพประมาณ 80 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทวางแผนลดต้นทุนทางเงินและทยอยจ่ายคืนเงินกู้ยืมอย่างต่อเนื่องโดยในอีก 1 ปีข้างหน้ามีเงินกู้ที่บริษัทต้องจ่ายคืนอีก 660 ล้านบาท และมีแผนรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในในเดือนพ.ค.68 วงเงิน 1,400 ล้านบาท ส่วนนโยบายการจ่ายเงินปันผลยังคงพิจารณาการจ่ายไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ