KKPS ยังแนะ “ซื้อ” PTT เป้า 40 บาท ชูปันผลปี 67-69 สูงลิ่ว 5-6%

“บล.เกียรตินาคินภัทร” ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40 บาท มองบวกผลตอบแทนจากเงินปันผลที่คาดว่าจะสูงถึง 5-6% ในปี 67-69


บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS ระบุในบทวิเคราะห์ ปรับลดราคาเป้าหมาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ลง 5% เหลือ 40 บาทต่อหุ้น เนื่องจากการคาดการณ์ราคาน้ำมันที่ลดลง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเป้าหมายราคาจะถูกปรับลดลง แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ทั้งนี้ จากการปรับปรุงการคาดการณ์ราคาน้ำมันใหม่ของ Bank of America KKPS ได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิหลังหักภาษี (NPAT) สำหรับปี 68 ลง 8.7% เหลือ 112.3 พันล้านบาท และปี 69 ลง 2.2% เหลือ 122.5 พันล้านบาท

นอกจากนี้ สำหรับปี 67 ถูกปรับลดลง 1% เหลือ 110.6 พันล้านบาท การประมาณการ NPAT ที่ปรับปรุงใหม่นี้ยังส่งผลให้เป้าหมายราคาลดลง 5% จาก 42.1 บาทต่อหุ้น เหลือ 40 บาทต่อหุ้น โดยที่การประมาณการ NPAT สำหรับปี 68 สูงกว่า Consensus ในตลาดอยู่ 5% ในขณะที่ปี 69  สูงกว่า Consensus ถึง 12.6%

โดยราคาเฉลี่ยน้ำมัน Brent คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคา West Texas Intermediate (WTI) คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 61 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปี 68 ทั้งนี้ ความต้องการน้ำมันคาดว่าจะเติบโตที่ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาอาจสร้างความเสี่ยงในการเติบโตในตลาดเกิดใหม่ โดยที่การผลิตน้ำมันจากแหล่งที่ไม่ใช่ OPEC+ คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดส่วนเกิน 0.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และส่งผลให้ราคา Brent เฉลี่ยอยู่เพียง 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2025

พร้อมกันนี้ ฝ่ายวิจัยยังได้ปรับลดการคาดการณ์ราคา Brent จาก 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลสำหรับปี 69 และจาก 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (ซึ่งใกล้เคียงกับค่าต่ำสุดของช่วง 60-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล) สำหรับคาดการณ์ราคา Brent ในระยะยาว

ด้าน OPEC+ ระบุว่าจะกลับมาดำเนินการผลิตเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันหากมองว่าตลาดจะเป็นต้องมีการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ภูมิรัฐศาสตร์อาจหักลบความเสี่ยงเหล่านี้ออก ประเทศเวเนซุเอลาและอิหร่านได้ผลิตน้ำมันต่ำกว่าระดับปัจจุบัน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อต้นปี 64 และความตึงเครียดกับรัสเซียก็ยังคงเพิ่มขึ้น

ดังนั้นสงครามทางการค้าระดับโลกหรือสงครามราคาจาก OPEC+ ยังคงเป็นความเสี่ยงด้านลบ (Downside Risk) หลักในการส่งผลให้น้ำมันในปีหน้าราคาตกลง ขณะที่ความเสี่ยงด้านบวก (Upside Risk) อาจมาจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน การบังคับใช้มาตรการลงโทษของสหรัฐอเมริกา หรือการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน/การคลัง

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยระบุว่า แนวโน้มราคาน้ำมันที่ต่ำอาจช่วยลดแรงกดดันให้รัฐบาลต้องสนับสนุนเงินอุดหนุนราคาพลังงานในประเทศไทย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงให้กับ ปตท. นอกจากนั้นแล้ว การสรุปการปฏิรูปราคา Pool Gas ในไตรมาส 4/67 อาจส่งผลให้ราคา Pool Gas ลดลง ซึ่งจะทำให้ ปตท. สามารถกลับมาได้รับกำไรจากก๊าซที่สูญเสียไปบางส่วนได้

นอกจากนี้ฝ่ายวิเคราะห์ยังเชื่อว่าหน่วยธุรกิจก๊าซของปตท. จะเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์หลักจากการลด Pool Gas นอกจากนั้นแล้ว อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่คาดว่าจะสูงถึง 5-6% ในปี 67-69 ยังเป็นจุดช่วยดึงดูดนักลงทุน

Back to top button