BTS มั่นใจผลประกอบการปี 67/68 แจ่ม! ธุรกิจ MOVE-MIX-MATCH หนุนเด่น
BTS มั่นใจผลประกอบการปี 67/68 (เม.ย.67-มี.ค.68) แจ่ม! ธุรกิจ MOVE-MIX-MATCH หนุนเด่น วางเป้าธุรกิจ MOVE โกยรายได้ O&M แตะ 7.3 พันล้านบาท ฟากกลุ่ม MIX รับอานิสงส์เม็ดเงินโฆษณาพุ่งดันรายได้ VGI แตะ 6 พันล้านบาท ส่วนธุรกิจ MATCH ปักธงรายได้ปีนี้แตะ 1.1 พันล้านบาท พร้อมกางแผน 2-3 ปี อัพสัดส่วนรายได้ 3 กลุ่มธุรกิจเพิ่ม ดันกลุ่ม MATCH สัดส่วน 30% จากปัจจุบัน 4% ภายหลังเข้าซื้อกิจการ ROCTEC- RABBIT ช่วยหนุน EBITDA ของกลุ่มบริษัทโตราว 2 พันล้านบาทต่อปี พร้อมจ่อรับทรัพย์ 1.4 หมื่นล้านบาท หลังสภากทม. ไฟเขียวงบประมาณชำระหนี้แล้ว คาดภายในเดือนม.ค.68
นางสาวชวดี รุ่งเรือง ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2567/68 (ก.ค.-ก.ย. 67) บริษัทพลิกขาดทุน 455.69 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 257.05 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 5,445 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 6,052 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มธุรกิจ MOVE,MIX, MATCH เดินหน้าต่อเนื่อง โดยความคืบหน้าล่าสุดธุรกิจ MOVE มีโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย “ศรีรัช-เมืองทองธานี” ระยะทาง 3 กิโลเมตร สร้างไปแล้ว 75% มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสร้างเสร็จภายในกลางปีหน้า โดยคาดจะให้บริการผู้โดยสารมากกว่า 10,000 เที่ยวคนต่อวัน
อีกทั้งธุรกิจ MOVE ในส่วนโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2526 และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2525 อีกทั้งยังอีก 3 โครงการที่บริษัทให้ความสนใจเข้าประมูลโครงการทางหลวงใหม่ ๆ เช่น โครงการ M5 (รังสิต-บางปะอิน), M9 (บางขุนเทียน-บางบัวทอง) และ M82 (บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว)
ส่วนธุรกิจ MATCH ภายใต้กลุ่มบริษัท แรบบริท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) โดยมีธุรกิจโรงแรมทั้งหมด 7 แห่ง และโรงแรมเช่าดำเนินการมี 2 แห่ง และมีห้องพักที่ดำเนินการรวมทั้งหมด 1,819 ห้อง และธุรกิจประกันภัยภายใต้ บริษัท แรบบิท ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (แรบบิท ไลฟ์) วางเป้าปี 67 เบี้ยประกันภัยรวมอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท โดยสิ้นไตรมาส 3/67 ทำเบี้ยประกันภัยรวมอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพื่อเพิ่มการเติบโตต่อเนื่องบริษัทได้มีเพิ่มตัวแทนขายประกันแตะ 1,000 คน ภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2567/2567 (เม.ย.67-มี.ค.68) โดยเฉพาะธุรกิจ MOVE รถไฟฟ้าสายสีเขียวค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง หรือ O&M ถือว่าเติบโตดีเนื่องจากเป็นโครงการที่มีสัญญาตกลงกันไว้แล้วและมีการปรับเพิ่มขึ้น และสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี ในส่วนของสายสีเหลือง-ชมพู อาจจะต้องให้เวลา เนื่องจากปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนอาจต้องใช้เวลา 3-4 ปี ที่ผู้โดยสารจะไปถึงจุด break-even ได้ โดยตั้งเป้าธุรกิจกลุ่ม MOVE รายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ไว้ที่ 7,300 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกรับรู้รายได้ไปแล้วราว 3,600 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจ MIX ในด้านการกระจายรายได้ได้มีการขยายเปิดร้าน TURLTE อย่างต่อเนื่องในสถานีรถไฟฟ้า BTS โดยบริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน) (TURTLE) ณ สิ้นกันยายน 2567 มีจำนวนร้าน TURTLE ทั้งสิ้น 26 ร้าน เพิ่มขึ้นจาก 15 ร้าน ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ไตรมาสที่ผ่านมามีกำไรโดดเด่น และคาดว่าในเดือน 11-12 ปีนี้ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโฆษณา โดยปีนี้ธุรกิจ MIX ตั้งเป้ารายได้จาก VGI อยู่ที่ 5,500-6,000 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกรับรู้รายได้ไปแล้วราว 2,700 ล้านบาท
ด้านธุรกิจ MACH โดยภายหลังได้เข้าซื้อบริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC และบริษัทแรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT ตั้งแต่เดือน 4 พ.ย.เป็นต้นไป คาดจะรวมผลการดำเนินงานทั้ง 2 เข้ามาในบริษัทและคาดว่าจะหนุนให้ EBITDA ของกลุ่มบริษัทโตเด่น เนื่องจาก ROCTEC สำหรับ EBITDA ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 600 ล้านบาท ส่วน RABBIT สำหรับ EBITDA ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1 พันกว่าล้านบาท ดังนั้นคาดว่าทั้ง 2 บริษัทจะดันให้ EBITDA ในกลุ่มบริษัทได้ประมาณ 2 พันล้านบาท โดยคาดว่าธุรกิจ MATCH ตั้งเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 1,100 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกรับรู้รายได้ไปแล้วราว 800 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทวางเป้าธุรกิจ 2-3 ปีข้างหน้า ภายหลังนำธุรกิจ ROCTEC และ RABBIT เข้ามาแล้วคาดส่วนสัดส่วนรายได้ธุรกิจ MOVE อยู่ทีระดับ 35% จากปัจจุบันไตรมาส 2 ปี 2567/2568 อยู่ที่ระดับ 63% และคาดว่าสัดส่วนธุรกิจ MIX อยู่ที่ระดับ 35% จากปัจจุบันไตรมาส 2 ปี 2567/2568 อยู่ที่ 33% และส่วนสัดส่วนรายได้ธุรกิจ MACH อยู่ที่ระดับ 30% จากปัจจุบันไตรมาส 2 ปี 2567/2568 อยู่ทีระดับ 4%
ด้านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF คาดว่าจะจ่ายลดทุนในปี 2567/2568 และปีต่อๆจนถึงเลิกกองในปี 2572 ประมาณ 0.80 บาทต่อหน่วย น่าจะสาสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ตามผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ส่วนปีที่ผ่านมา 2566/2567 จ่ายที่ 0.76 บาทต่อหน่วย
ส่วนความคืบหน้าการชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง หรือ O&M ที่กทม.จะต้องชำระให้บริษัท 14,549 ล้านบาท กทม.มีความประสงค์ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง หรือ O&M โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด หรือ BTSC ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ BTS ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดซึ่งกระบวนการขณะนี้ได้มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครสมัยวิสามัญภายในวันที่ 29 พฤศจิกายน 67
โดยล่าสุด “สภากทม.” ได้ลงมติอนุมัติงบประมาณปี 68 เพื่อจ่ายหนี้ “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท ให้ BTSC ซึ่งทางฝ่ายงบประมาณกทม.ก็จะดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดพิพากษาสั่งใช้หนี้ภายใน 180 วัน บริษัทเชื่อว่าจะได้รับชำระเงินตามกำหนดแน่นอน
ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครด้าน เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ภายในระยะเวลา 34 วัน หลังจากนี้ เมื่อมีการประกาศข้อบัญญัติดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา จะมีการชำระหนี้ให้กับบีทีเอส ภายในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ หรือไม่เกินต้นเดือน ม.ค.68