BCH วางงบปี 68 วงเงิน 1.6 พันล้าน ขยายสาขาระยอง-พัทยา หนุนรายได้โตเยี่ยม
BCH วางงบปี 68 วงเงิน 1.6 พันล้านบาท ขยายสาขาระยอง-พัทยา,ปรับราคาขึ้น-คนไข้คูเวต หนุนรายได้เติบโตเยี่ยม
ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่ม โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยผ่านในงานสัมมนา “ถอดรหัสหุ้น ESG เด่น..กำไรแกร่ง ชนะตลาด!” จัดโดย “ข่าวหุ้นธุรกิจ” เมื่อวันที่ 30 พ.ย.67 เปิดเผยถึงเรื่องการเงินของ BCH มีปัญหาหนี้สินน้อยมากดังนั้นการลงทุนส่วนการขยายโรงพยาบาลใหม่ในปี 68 ใช้งบลงทุน 1,600 ล้านบาท โดยตามที่วางแผนเอาไว้สาขาระยอง บริษัทมีที่ดิน 30 ไร่ ซื้อมาในราคากว่า 100 ล้านบาท
ขณะที่สาขาพัทยาบริษัทก็มีที่ดินแล้ว 16 ไร่ รวมถึงที่ดินตรงปากน้ำ จ.สมุทรปราการ ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงโควิด BCH กำไรมากถึง 2 หมื่นล้านบาท ทำให้เงินทยอยชำระหนี้สินไปด้วยดี จนส่งผลให้ตอนนี้ บริษัท แทบจะไม่ค่อยมีหนี้สิน
อย่างไรก็ดีสำหรับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ระยอง คาดว่าจะก่อสร้างโรงพยาบาล ประมาณ 200-250 เตียง ใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 1,480 ล้านบาท รวมค่าที่ดินแล้ว คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 69 และเปิดดำเนินการได้ในปี 71
นอกจากนี้ จะเริ่มเห็นกำไรจากโรงพยาบาล 3 แห่งที่เปิดใหม่ในปีนี้ ประกอบด้วย โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อรัญประเทศ สระแก้ว , โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี และ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ เวียงจันทน์ และคาดหวังโรงพยาบาลที่รัฐบาลคูเวตคัดเลือกเพื่อส่งผู้ป่วยที่จะได้รับค่ารักษา หรือรับรองการชำระเงินจากรัฐบาลคูเวตกลุ่มผู้ป่วยคูเวตจะกลับเข้ามาออนท็อปเรื่องรายได้ 5-6% อีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัท มองปีหน้า น่าจะมี Free Cash Flow และ การออกหุ้นกู้ไม่น่ามีขึ้น รวมถึงการออกบอนด์น่าจะน้อย แต่ภึงอย่างไร ต้นปีหน้าเดือนม.ค.68 ต้องรอดูสถานการณ์ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ต้องจับตาดูสงครามระหว่าง อิสราเอล- อิซบอลเลาะห์ และ รัสเซีย-ยูเครน จะยุติหรือไม่เช่นเดียวกับ เรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ดอลลาร์จะแข็งค่ามากขึ้นแค่ไหน
ส่วนเรื่องควบคุมต้นทุนปีหน้า ส่วนใหญ่บริษัทต้องนำเข้าเครื่องมือจากต่างประเทศเกือบ 100% จึงจะต้องควบคุมในเรื่องราคา และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทางแอดมินลดลง หมด รวมถึง ยาหลายตัวที่มีราคาแพง คาดว่าในอนาคตน่าจะลดราคาลง
สำหรับ 3 ปีข้างหน้าจะเปิดสาขาขยายเตียงเพิ่มขึ้นทุกปี 2-3 พันกว่าเตียง เฉลี่ยเพิ่ม 70% และจะต้องรอคนไข้ประกันสังคม ซึ่งจากเดิมรับได้ 1.8 ล้านคน ถ้าสาขาใหม่เปิด จะรองรับเพิ่มมากขึ้น 2 ล้านคน โดยกลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมใช้ประกันกลุ่มอยู่ที่ 28 % เพื่ออัพเป็นห้องพิเศษหากใช้สิทธิ์ประกันสังคม ซึ่งมองว่ามีเม็ดเงินอยู่ข้างในนั้น ทางบริษัทจึงมองเห็นช่องทางดังกล่าว ในการเกิดรายได้
“ด้านเรื่องการปรับราคาในปีหน้าคาดว่าน่าอยู่ที่ประมาณ 10-13% จึงมีส่วนสำคัญที่จะทำให้รายได้เติบโตขึ้น” ศ.ดร.นพ.เฉลิม กล่าวทิ้งท้าย