CGSI มองกรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,410-1,450 จุด ชู 2 หุ้นเด่น BCH-WHA
CGSI ประเมิน SET สัปดาห์นี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,410-1,450 จุด จับตาทิศทางฟันด์โฟลว์ต่างชาติ และ รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อไทยเดือนพ.ย. พร้อมชู 2 หุ้นเด่น BCH-WHA
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ประเมินตลาดหุ้นสหรัฐในวันศุกร์ที่ผ่านมา วันที่ 29 พ.ย.67 ปิดบวกหลังเปิดทำการเพียงครึ่งวันเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า นำโดยแรงสนับสนุนของหุ้น
1) กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ (Lam Research เพิ่มขึ้น 3.2%, Nvidia เพิ่มขึ้น 2.2%, iShares Semiconductor ETF เพิ่มขึ้น 1.3%) หลังมีรายงานว่าการพิจารณามาตรการในการจำหน่ายอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ให้กับจีนของสหรัฐฯ อาจไม่ได้รุนแรงเท่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ และ 2) กลุ่มค้าปลีก ขานรับการเข้าสู่ช่วง Black Friday
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายของทรัมป์และการที่พรรครีพับลิกันได้ครองอำนาจในสภาครองเกรสแบบเบ็ดเสร็จ
โดยความกังวลนี้ ส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำปรับตัวเพิ่ม 1.6% อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดว่าหลังจากนั้นธนาคารกลางสหรัฐจะคงดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนม.ค. และ มี.ค.68
ดังนั้น จากนี้ ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เพื่อหาแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพิ่มเติม โดยสัปดาห์นี้ ติดตาม
1) ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. (2 ธ.ค.67)
2) ตำแหน่งว่างงานเปิดใหม่จาก JOLTS เดือนต.ค. (3 ธ.ค.67)
3) การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมจาก ADP และ ดัชนี PMI ภาคการบริการ เดือนพ.ย. (4 ธ.ค.67) และ
4) รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง การจ้างงานนอกภาคการเกษตร และ อัตราการว่างงาน เดือนพ.ย. (6 พ.ย.67) รวมถึงสุนทรพจน์ของนายพาวเวลล์ ประธาน Fed และ การประชุม OPEC+ ในวันที่ 5 ธ.ค.67
นอกจากนี้ จับตาประเด็นการเคลื่อนไหวของกลุ่ม BRICS ในการพัฒนาสกุลเงินสำรองใหม่ ซึ่งอาจลดบทบาทของดอลลาร์สหรัฐในระบบการเงินโลก โดยล่าสุดว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ออกมาเตือนว่าหากทำเช่นนั้น สหรัฐฯ จะตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากกลุ่ม BRICS 100% ซึ่งอาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการค้าในอนาคต
โดยประเมิน SET Index สัปดาห์นี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,410-1,450 จุด จับตาทิศทางฟันด์โฟลว์ต่างชาติ และ รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อไทยเดือนพ.ย. (6 ธ.ค.67) ที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 1.20% เมื่อเทียบกับเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.83%
รวมถึง ประเด็นที่สหรัฐฯ ตัดสินเบื้องต้นเป็นครั้งที่สองที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์รอบใหม่จาก 4 ประเทศในอาเซียนรวมถึงไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะทำการตัดสินครั้งสุดท้ายในวันที่ 18 เม.ย.68 ขณะที่สำนักงานการค้าระหว่างประเทศจะสรุปผลการตัดสินในวันที่ 2 มิ.ย.67 และ ตลาดคาดว่าจะประกาศคำสั่งสุดท้ายในวันที่ 9 มิ.ย.67
นอกจากนี้ ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ หลังกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนรับมือน้ำท่วมจากฝนตกหนักในช่วง 3-5 ธ.ค.67 โดยล่าสุด รัฐบาลเตรียมเสนอ ครม.อนุมัติ ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม เพื่อรับเงินเยียวยา 9,000 บาท
สำหรับประเด็น SET50/SET100 เราคาดการณ์รอบในครึ่งแรกของปี 68 (อิงข้อมูล ณ วันที่ 25 ต.ค.67)
หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7, TCAP
หุ้นที่คาดว่าจะออก ได้แก่ BCP, CENTEL, EA, TIDLOR
สำหรับ SET100 หุ้นที่คาดว่าจะเข้า ได้แก่ JTS, CCET, COCOCO, PR9
ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะออก ได้แก่ MBK, RBF, TIPH, TOA
โดยเราคาดว่าตลท.จะประกาศอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 13-18 ธ.ค.67 ของรอบครึ่งแรกของปี 68 ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 30 มิ.ย.68
สำหรับหุ้นแนะนำ ได้แก่
อย่าง บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH : ราคาของ BCH underperform คู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ YTD จากความกังวลเรื่องที่ผู้ป่วยจากคูเวตมีจำนวนลดลงและการปรับลดค่าบริการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงของสปส. (Adj.RW>2) แต่เราเชื่อว่าทั้งสองประเด็นน่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ (Take profit : 18.1 / Stop loss : 15.2)
บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA คาดว่าไตรมาส 4/67 จะเป็นไตรมาสที่ WHA ทำกำไรสุทธิสูงสุดในปี 67 จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและรายได้ประจำที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการขายสินทรัพย์ให้กับ WHAIR อีกทั้งเชื่อว่าธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมยังมีอุปสงค์แข็งแกร่งและรายได้ประจำกำลังเพิ่มขึ้น (Take profit : 5.90 / Stop loss : 5.55)