กระทรวงการต่างประเทศ เชิญ “ทูตเมียนมา” พบวันนี้! ปมเหตุเรือรบยิงชาวประมงไทย

“มาริษ” เชิญ “ทูตเมียนมา” เข้าพบวันนี้ หลังเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย จี้เร่งปล่อยตัว 4 คนไทย “แพทองธาร” ย้ำไม่สนับสนุนความรุนแรง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ธ.ค.67) จากกรณีเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย 3 ลำ ขณะวางอวนล้อมหาปลาในทะเลอันดามัน ห่างฝั่งเกาะพยาม จ.ระนอง 12 ไมล์ทะเล เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พร้อมยึดเรือประมง ส.เจริญชัย 8 พร้อมลูกเรือ 31 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 4 คน ไปกักขังไว้ที่เกาะย่านเชือก จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา

วันนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเชิญ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย มาพบที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยจะย้ำขอให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้องและเร่งปล่อยตัว 4 คนไทย ที่ถูกควบคุมตัว

ก่อนหน้านี้ นายมาริษ กล่าวว่า ได้คุยกับเอกอัครราชทูตฯ คือต้องการให้ผิดชอบ ซึ่งต้องอาศัยการพูดคุยกัน เพราะเรื่องการรุกล้ำก็มีขั้นตอน ส่วนเรื่องการช่วยเหลือตัวประกันต้องพูดคุยแน่นอนและพูดคุยไปตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.67 กับทางเมียนมา และวันที่ 2 ธ.ค.67 ก็จะยืนยันที่จะช่วยคนไทย 4 คน ดำเนินการอยู่ตลอดเวลาทั้งในส่วนของชายแดนและของกระทรวงการต่างประเทศ ทำงานร่วมกันอย่างจริงจังตลอด ซึ่งตอนนี้ตัวประกันทั้ง 4 คนปลอดภัย มีสัญญาณบวกแน่นอน เพราะความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเมียนมา มีสัมพันธ์ที่ดี ต้องคุยกันหลายด้าน

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.67 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า ได้รับรายงานมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย เสียชีวิต 1 รายและถูกจับตัวอยู่ตอนนี้ 4 ราย โดยมี 30 กว่าคน เป็นคนไทย 4 ราย ทั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า สาเหตุคือการรุกล้ำหรือไม่ ขอย้ำว่าไม่สนับสนุนความรุนแรง ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม และจะยืนยันเรื่องนี้ไปทั่วโลกอยู่แล้วว่า รัฐบาลไทยไม่สนับสนุนความรุนแรงและขอให้รอสรุปสาเหตุ ซึ่งได้มีการติดต่อกันอยู่แล้วตลอดเวลา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะรายงานเมื่อมีความคืบหน้าทันที

ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC)  ได้ทำหนังสือทักท้วงในเรื่องการใช้ความรุนแรงแล้ว และขอให้ไต่สวนเรื่องนี้ให้ชัดเจน และขอให้นำเรือของไทย และคนไทยที่ถูกจับตัวไว้กลับมา พยายามเจรจาทั้งสองฝ่าย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศประสานงาน

Back to top button