“ทรีนีตี้” มองกรอบหุ้นไทยท้ายปี 1,430-1,450 จุด ชู 3 ธีมเด่นรับปัจจัยบวก

“บล.ทรีนีตี้” มอง SET ท้ายปี 67 ยืนที่ระดับ 1,430-1,450 จุด ได้แรงหนุนจากเงินลงทุนของสถาบันทั้งกองทุนวายุภักษ์1-ThaiESG แนะลงทุนหุ้น 3 ธีม รับอานิสงส์มาตรการรัฐ, หุ้นที่มีโอกาสถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 และกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก High season ของการท่องเที่ยว


นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนธันวาคม 2567 ว่า สำหรับภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนธันวาคม คาดการณ์ว่า SET Index น่าจะทรงตัวอยู่ได้ที่ระดับ 1,430-1,450 จุด โดยปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญยังคงได้แก่สภาพคล่องของนักลงทุนสถาบันในประเทศซึ่งเชื่อว่าน่าจะยังอยู่ในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นกองทุนวายุภักษ์ที่เปิดขายมาก่อนหน้านี้ หรือกองทุน ThaiESG ที่กำลังจะเข้ามาในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ส่วนปัจจัยจำกัดที่ Upside ของดัชนีที่สำคัญยังคงได้แก่พื้นฐานกำไรของบริษัทจดทะเบียน ที่ล่าสุดเรายังคงเห็นโมเมนตัมของการปรับลดประมาณการอยู่

สำหรับปัจจัยสำคัญที่น่าติดตามในเดือนธันวาคม ได้แก่ 1.การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะมีมติปรับลดดอกเบี้ยสำคัญต่างๆลงจากเดิมอย่างละ 0.25% 2.การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 17-18 ธ.ค. ซึ่งหาก Fed ตัดสินใจคงดอกเบี้ยไปก่อนในครั้งนี้ จะถือเป็น Negative surprise ต่อตลาดได้ เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนคาดหวังความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ย 0.25% ที่ความน่าจะเป็น 65%

3.การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยในวันที่ 18 ธ.ค. ซึ่งเราคาดว่าจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม 2.25% 4.การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ในวันที่ 18-19 ธ.ค. ซึ่งล่าสุดตลาดให้น้ำหนักราว 65% ว่า BoJ อาจจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จากปัจจุบันที่ 0.25% มาอยู่ที่ 0.50% 5.การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 19 ธ.ค. ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่า BoE น่าจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.75% ไปก่อนในรอบนี้ และ 6.ความไปได้ในการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลไทย

สำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจในเดือนนี้ มองไปยัง 3 ธีมการลงทุนสำคัญได้แก่ 1.กลุ่มหุ้นที่คาดหวังแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ ที่อาจจะออกมาในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ได้แก่ CPAXT, CRC, HMPRO 2.กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7, CCET และ 3.กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ช่วง High season ของการท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, AAV, BA, ERW

ส่วนกลุ่มที่มองว่าพอเก็งกำไรต่อเนื่องจากปลายเดือนที่แล้วได้คือกลุ่มยางธรรมชาติ ตามราคายางในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง และยอดการส่งออกที่อยู่ในเกณฑ์ดีล่าสุด อาทิ STA, NER, TEGH

Back to top button