บอร์ด “สปสช.” เห็นชอบขยาย “30 บาท รักษาทุกที่” ระยะที่ 4 ครอบคลุมทั่วประเทศ
บอร์ด “สปสช.” มีมติเห็นชอบขยายบัตรทอง “30 บาท รักษาทุกที่” ระยะที่ 4 เพิ่มอีก 31 จังหวัด ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ธ.ค.67) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ว่า ในวันนี้ บอร์ด สปสช. เห็นชอบ “การขับเคลื่อนนโยบายยกระดับบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า ระยะที่ 4 ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ” เสนอโดย นางวราภรณ์ สุวรรณเวลา รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ทั้งนี้ มติบอร์ด สปสช. นี้ สืบเนื่องตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ เริ่มนำร่องใน 4 จังหวัด ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ม.ค.67 และขยายพื้นที่เป็นระยะตามนโยบายและการประกาศพื้นที่ของกระทรวงสาธารณสุข โดยในระยะที่ 1-3 ดำเนินการไปแล้ว 46 จังหวัด (รวมกรุงเทพมหานคร) ดังนั้นในวันนี้จึงให้ขยายการดำเนินการต่อเนื่องในพื้นที่ 31 จังหวัด ขยายความครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ เห็นชอบหลักการแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายฯ ของ สปสช. ทั้งเป้าหมายและกรอบแนวทางการดำเนินการที่สำคัญ 10 ประการ รวมทั้งระบบการเบิกจ่ายและการเชื่อมข้อมูล
นอกจากนี้เพื่อเป็นการรองรับการดำเนินการตามนโยบายให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ที่ประชุมบอร์ด สปสช. ยังมอบ สปสช. ออกประกาศฯ 5 ฉบับตามที่ สปสช. นำเสนอ เพื่อให้หน่วยบริการและประชาชนทราบและดำเนินการ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา นอกจากนี้ยังให้ สปสช. จัดทำข้อเสนอหลักเกณฑ์การจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุข รองรับการขยายพื้นที่การดำเนินนโยบายฯ ทั่วประเทศด้วย
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับกรอบแนวทางการดำเนินการที่สำคัญ 10 ประการ ที่บอร์ด สปสช. เห็นชอบให้ขับเคลื่อนในวันนี้ มีดังนี้
1. ประชาชนไปรับบริการได้ทุกที่ตามความจำเป็น โดยใช้บัตรประซาชนและไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว หรือใช้ใบส่งตัวอิเล็กทรอนิกส์, 2.สนับสนุนให้หน่วยบริการแต่ละระดับจัดบริการตามศักยภาพ โดยเฉพาะบริการระดับปฐมภูมิ และบริการระดับตติยภูมิ/ขั้นสูงเพื่อกระจายการรับบริการ ลดความแออัดในหน่วยบริการขนาดใหญ่, เพิ่มหน่วยบริการนวัตกรรมรปแบบต่างๆ (บริการปฐมภูมิ) ครอบคลุมทั่วถึง ทุกพื้นที่ รวมทั้งหน่วยบริการทติยภูมิ รองรับการส่งต่อ, 4. ขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ ผ่านระบบ One stop service ลดขั้นตอน สะดวก, 5. เชื่อมโยงข้อมูลบริการสุขภาพของหน่วยบริการทุกแห่ง กับระบบเบิกจ่ายขดเชยค่าบริการของ สปสช.ผ่าน API ลดภาระงานหน่วยบริการในการบันทึกและส่งข้อมูล
6. พัฒนาและใช้ AI ตรวจสอบก่อนจ่ายและหลังจ่าย เบิกจ่ายถูกต้อง รวดเร็วขึ้น, 7. สนับสนุนการมีส่วนร่วมของหน่วยบริการในการตรวจสอบกับกันเอง, 8. พัฒนาระบบตรวจสอบและการกำกับติดตามประเนินผล เพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายและมีข้อมูลหลักฐานในการปรับปรับปรน/พัฒนา, 9. ยกระดับบริการสายด่วน contact center 1330 อำนวยความสะดวกและช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ประชาชนและหน่วยบริการ และ 10. สื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุก และการแสดงสัญลักษณ์ของหน่วยบริการที่ให้บริการตามนโยบาย
นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า สำหรับในส่วนของประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 5 ฉบับ เพื่อรองรับขับเคลื่อนตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ มีดังนี้ 1.จังหวัดที่ดำเนินงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2567 โดยกาหนดรายชื่อจังหวัดเพิ่มเติมจานวน 31 จังหวัด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล 2.การกำหนดหลักเกณฑ์และการดำเนินการให้บริการของหน่วยบริการตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ 3.การกำหนดหลักเกณฑ์และการดำเนินการในการรับบริการของประชาชนตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ 4.การกำหนดตราสัญลักษณ์และหลักเกณฑ์การใช้ตราสัญลักษณ์สาหรับหน่วยบริการที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ และ 5.การกำหนดหลักเกณฑ์และการดำเนินการในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของผู้รับบริการในหน่วยบริการที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการตามนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ และเสนอคณะอนุกรรมการกาหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนพิจารณา ก่อนเสนอคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่อไป
“จากมติบอร์ด สปสช. ที่ได้เห็นชอบในวันนี้ ทาง สปสช. จะเร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนนโยบายใน 31 จังหวัดเพื่อให้ครอบคลุมทั้งประเทศ เป็นการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และยกระดับบริการเพื่อดูแลประชาชนทั่วประเทศ” เลขาธิการ สปสช. กล่าว