CGSI คงน้ำหนักลงทุน “กลุ่มแบงก์” ชี้กำไรปี 68-69 โตช้า

“บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล” แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน” หุ้นกลุ่มแบงก์ หลังมองว่ากำไรสุทธิในช่วงปี 68-69 จะเติบโตช้า


ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะสินเชื่อไตรมาส 3/67 พบว่า สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมถึงสินเชื่อธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกมีคุณภาพลดลงอีก ทั้งนี้สินเชื่อรายย่อยทุกกลุ่มมีอัตราส่วน NPL เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมี NPL เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 89.6% ในไตรมาส 2/67 นอกจากนี้ ยอดตัดหนี้สูญโดยรวมเพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อนแต่ลดลง 10% จากไตรมาสก่อน ส่วนหนี้ปรับโครงสร้างเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน และ 18% จากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการเคลียร์งบดุลของธนาคาร

ด้านกลุ่มสินเชื่อรายย่อยมีสัดส่วนสินเชื่อ stage 2 หรือสินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (underperforming) เพิ่มสูงขึ้นจึงทำให้มาตรฐานการให้สินเชื่อของธนาคารเข้มงวดขึ้นตามรายงานในแบบสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อของธปท.

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่าความต้องการสินเชื่อรายย่อยในไตรมาส 4/67 จะมาจากกลุ่มสินเชื่อรถ เนื่องจากมีการจัดงาน Motor Show ในเดือนธ.ค.67 และสินเชื่อบัตรเครดิตเพราะเป็นไฮ-ซีซั่นของการใช้จ่ายในประเทศ ขณะเดียวกัน ผลสำรวจชี้ว่าความต้องการสินเชื่อธุรกิจจะยังมาจากสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน จึงเชื่อว่ายอดสินเชื่อรวมในไตรมาส 4/67 จะเติบโตเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน แต่สินเชื่อทั้งปี 67 น่าจะยังติดลบ หลังยอดสินเชื่อรวมงวด 9 เดือนของปีนี้ลดลง

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดการณ์ว่า ยอดสินเชื่อรวมของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเติบโต 2.6-3.0% ในปี 68-69 เพราะธนาคารมีเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดและ GDP ไทยยังขยายตัวต่ำ (ฝ่ายวิเคราะห์ฯ คาดการณ์โต 3% ในปี 68) นอกจากนี้ ประมาณการว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) จะลดลงจาก 3.51% ในปี 67 เป็น 3.45% และ 3.41% ในปี 68-69 ตามลำดับ ภายใต้สมมติฐานที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงครึ่งปีแรก 68 อีกทั้งเชื่อว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยน่าจะยังเติบโตอ่อนตัวในอัตรา 3.9% ในปี 68-69 จะส่งผลให้กำไรก่อนตั้งสำรอง (PPOP) ในช่วงเดียวกันเติบโตเพียง 1.15-1.83%

อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราการสำรองหนี้สูญจะลดลงเหลือ 144bp ในปี 68 และ 134bp ในปี 69 เทียบจาก 152bp ในปี 67 ดังนั้นจึงทำประมาณการ ROE ของกลุ่มธนาคารในปี 68-69 อยู่ที่ 8.9-9.0%  เทียบจาก 10.1-12.3% ในปี 58-61

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า ธนาคารพาณิชย์ไทยยังขาดปัจจัยหนุนที่แข็งแกร่ง จึงยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) กลุ่มนี้ เนื่องจากอัตราการเติบโตของ PPOP และ ROE ในปี 68-69 มีแนวโน้มชะลอตัว ฝ่ายวิเคราะห์ฯถอด KBANK ออกจากหุ้น Top pick หลังราคาหุ้น outperform ดัชนี SET และ SETBANK ถึง 10.3% นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน และ 8.5% นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน (1 ม.ค.-22 พ.ย.67) ตามลำดับ

ขณะที่เพิ่ม SCB เข้ามาเป็นหุ้น Top pick เพราะคาดว่าธนาคารจะมี EPS เติบโต 7% และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่ 9.6-10.3% ในปี 68-69 โดยกลุ่มธนาคารจะมี downside risk หาก NPL เพิ่มขึ้นและมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่วน upside risk จะมาจากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยมากขึ้น, ความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ลดลงและรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

Back to top button