ขอหมายจับ “โบรกเกอร์” 2 รายวันนี้ เอี่ยวคดี “หมอบุญ” หลอกลงทุนยอดเสียหายเกือบหมื่นล้าน
คืบหน้าคดี “หมอบุญ” ผบก.น.1 เผย จะขอศาลออกหมายจับ “โบรกเกอร์” อีก 2 ราย รับยังอยู่ในกระบวนการ ปมลูกชายหมอเอี่ยวหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานถึง ความคืบหน้าคดี นายแพทย์บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ กับพวกรวม 9 คน ในคดีฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน คดีเกี่ยวกับเช็ค หลอกให้ร่วมลงทุนใน 5 โครงการ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 7,500 ล้านบาท
วันนี้ (4 ธ.ค.67) พลตำรวจตรีอัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) เปิดเผยในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ถึงการเปลี่ยนสถานะของ นางสาวณวรา วนาสิน หรือ กุญชร ณ อยุธยา อดีตลูกสะใภ้ของหมอบุญจากผู้เสียหายเป็นผู้ต้องหาว่า จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในระยะเวลาหนึ่ง พบว่า นางสาวณวรา มีความเกี่ยวพันกับเส้นเงิน แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวนคดี ประกอบกับมีพยานเอกสารอื่น ๆ ประกอบกันทำให้ตำรวจมั่นใจเสนอศาลออกหมายจับเป็นล็อตที่ 2
ส่วนเรื่อง “ลายเซ็น” ที่มีการกล่างอ้างว่าถูกปลอมนั้น พลตำรวจตรีอัฏธพร กล่าวว่า กระบวนการนี้ตำรวจได้ให้ผู้ต้องหา ทั้ง 3 คน เขียนตัวอย่างลายมือบนกระดาษ 5 แผ่น แล้วนำไปเปรียบเทียบกับลายเซ็นเดิม ทั้งข้อมูลเก่าจากการเปิดบัญชีธนาคาร สถานศึกษาของบุตร โดยผลตรวจเปรียบเทียบอยู่ในสำนวนคดี
ผบก.น.1 ยังเปิดเผยถึงการเตรียมออกหมายผู้ต้องหาในคดีหมอบุญเป็นล็อตที่ 3 อีก 2 คน ซึ่งจากข้อมูลในรายการ เจาะลึกทั่วไทยฯ ระบุคือ “นางสาว ฐ.” และ “นางสาว ก.” ว่า ล็อตที่ 3 เป็นข้อมูลที่ได้เพิ่มเติมจากผู้เสียหายที่หลั่งไหลกันเข้ามาให้ข้อมูล ซึ่งจะเรียกว่า “โบรกเกอร์”, “กลุ่มเซลล์ (Sales)” หรือบางคนเรียกว่า “แม่ข่าย” จนทำให้ตำรวจทราบพฤติกรรมของผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่มมากขึ้น และมีพยานหลักฐานชัดเจน นำไปสู่การขอศาลออกหมายจับ
ทั้งนี้พิธีกรในรายการดังกล่าวได้ถาม พลตำรวจตรีอัฏธพร ว่า จากข้อมูลที่มีอยู่ “นางสาว ฐ.” ทำงานในบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ชื่อย่อ ท. แล้ว “นางสาว ก.” อยู่บริษัทเดียวกันหรือไม่นั้น พลตำรวจตรีอัฏธพร ตอบเพียงว่า อยู่คนละบริษัทกัน
ผบก.น.1 กล่าวถึงแผนประทุษกรรมในคดีหมอบุญ ว่า มีตัวละครที่เกี่ยวข้อง 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1. หมอบุญและบุคคลในครอบครัว, ส่วนที่ 2. พนักงานในบริษัทหมอบุญที่มีส่วนจัดทำเอกสาร และส่วนที่ 3 กลุ่มคนชักชวนต่าง ๆ ขณะนี้ทั้ง 3 กลุ่ม ตัวเลขผู้ต้องหาก็ยังไม่นิ่ง ดังนั้นเมื่อการสอบสวนไปถึงก็จะดำเนินคดีทุกราย ซึ่งในส่วนที่ 3 นั้นมีหลายราย
“ทุกวันนี้ยังมีผู้เสียหายมาให้การเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องทำให้เราได้รับข้อมูลเพิ่มขึ้นและขยายเครือข่ายออกไป… จากข้อมูลเบื้องต้น มากกว่า 15 กลุ่ม” พลตำรวจตรีอัฏธพร กล่าว
ส่วนที่มีข้อสงสัยว่านายจอน วนาสิน ลูกชายหมอบุญ เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ พลตำรวจตรีอัฏธพร กล่าวว่า อยู่ในกระบวนการสอบสวน ยืนยันว่า พยานหลักฐานไปถึงไหนจะดำเนินการทั้งหมด อย่างที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เคยให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้จะไม่มีการกันผู้ใดไว้เป็นพยาน ทั้งหมดว่ากันด้วยพยานเอกสารเป็นหลัก ถ้าไปถึงใครก็จะขอออกหมายจับทั้งหมด
ผบก.น.1 เปิดเผยว่า อัพเดทยอดผู้เสียหายที่เข้ามาแจ้งความกว่า 300 คนเศษ มูลค่าความเสียหายเกือบหมื่นล้านบาทแล้ว โดยยังมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความเพิ่มทุกวัน
พลตำรวจตรีอัฏธพร กล่าวทิ้งท้ายว่า ผู้เสียหายที่เข้ามาแจ้งความรายหลัง ๆ เข้าใจว่าเป็นเรื่องทางแพ่ง ก่อนหน้านี้จึงไม่ได้มาแจ้งความ ขอเรียนประชาสัมพันธ์ว่าใครที่มีธุรกรรมกับหมอบุญขอให้เดินเข้ามาหาตำรวจ เพราะคดีนี้เราพิสูจน์เจตนาของผู้ต้องหา ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องมาดูธุรกรรมของผู้เสียหายที่ทำกับผู้ต้องหาว่าเป็นเรื่องทางแพ่งหรือไม่ นอกจากนี้ยังดำเนินการตรวจสอบเพื่อยึดทรัพย์ของผู้ต้องหาด้วย
สำหรับแผนประทุษกรรมของหมอบุญ ผบก.น.1 ระบุว่า มีทั้งการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ให้ดอกเบี้ย 7%, รับฝากหุ้น ให้ดอกเบี้ย 8.5% และ Clean Loan ให้ดอกเบี้ย 11.50%