“นอท กองสลากพลัส” แจงถือหุ้นใหญ่ EE “โปร่งใส” ตั้งเป้าปั้น “ธุรกิจเทค” ชั้นนำประเทศ
“พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์” ยืนยันการเข้าถือหุ้น EE มีความโปร่งใสและตั้งใจจริง ลั่นเห็นศักยภาพองค์กรก้าวสู่ผู้นำธุรกิจเทคโนโลยี
จากกรณีที่ราคาหุ้นบริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง หลังจากปรากฎชื่อนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ “นอท กองสลากพลัส” เข้าซื้อหุ้นใหญ่ คิดเป็นสัดส่วน 57.81% พร้อมก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท ทำให้นักลงทุนจำนวนมากแห่เข้าซื้อหุ้น EE หวังเก็งกำไรจากแผนปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตกับการดำเนินธุรกิจหลังจากนี้ของ EE จะเดินต่อไปอย่างไร จะนำธุรกิจที่นายพันธ์ธวัช เคยทำอยู่ก่อนหน้านี้เข้ามาดำเนินธุรกิจหรือไม่
ล่าสุดนายพันธ์ธวัช ได้ออกแถลงการณ์ในฐานะประธานกรรมการ EE ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงการเข้าเป็นกรรมการบริษัทและถือหุ้นในครั้งนี้ว่า ส่วนตัวเห็นศักยภาพและโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของบริษัทในธุรกิจด้านเทคโนโลยี เชื่อมั่นว่า EE จะสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยการบริหารที่โปร่งใส มีเป้าหมายที่ชัดเจน และการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งของทีมผู้บริหารและพนักงานทุกคน พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นและผลักดันให้ EE กลายเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือในระดับประเทศได้
นอกจากนี้ นายพันธ์ธวัช ยังได้เน้นย้ำถึงความโปร่งใสในการบริหารงานภายใต้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยการตัดสินใจทุกอย่างจะอยู่บนพื้นฐานของความรอบคอบและผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้น พร้อมให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่เปิดเผยและตรงไปตรงมา
“ผมทราบดีว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจทำให้เกิดคำถามและความกังวลในบางกลุ่ม แต่ผมขอให้คำมั่นว่าผมและทีมงานทุกคนจะทำงานอย่างเต็มความสามารถและโปร่งใส เพื่อพิสูจน์ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะนำมาซึ่งความสำเร็จและความมั่นคงของบริษัทในอนาคต ผมขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจในตัวผม และผมจะใช้โอกาสนี้สร้างผลงานที่จับต้องได้เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทุกฝ่ายและนำพา ‘EE’ ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งความสำเร็จร่วมกัน” นายพันธ์ธวัช กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต นายพันธ์ธวัช ระบุว่า จะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดและความต้องการของผู้บริโภค โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารเพื่อหารือและลงมติเกี่ยวกับธุรกิจใหม่ พร้อมทั้งแจ้งคำชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและผู้ถือหุ้นในลำดับต่อไป