“พิชัย” ถก 7 บิ๊กเอกชน ดัน “SME Next Level” เสริมแกร่ง แข่งทุกตลาด

รมว.พาณิชย์ “พิชัย” หารือ สสว.-7 บิ๊กเอกชน ผลักดัน “SME Next Level” เสริมแกร่ง แข่งทุกตลาด เร่งสร้างโอกาส หวังดึงเศรษฐกิจไทยโตทั้งระบบ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ธ.ค.67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมและยกระดับเอสเอ็มอี (SME) ไทย โดยร่วมมือกับภาครัฐ คือ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และ 6 หน่วยงานเอกชน ประกอบด้วย สภาหอการค้าไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย, เครือข่ายธุรกิจ Biz Club Thailand, สมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

เพื่อฟังข้อเสนอแนะช่วยลดต้นทุนค่าครองชีพ ต้นทุนธุรกิจ ให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุน ปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ขยายตลาดให้ SME ไทย ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วน GDP ของ SME จาก 35% เป็น 40% ภายในปี 2570 พร้อมมอบนโยบาย “SME Next Level เสริมแกร่ง แข่งทุกตลาด” สร้างโอกาส SME ไทย

นายพิชัย กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับ SME เป็นเรื่องหลัก จะทำอย่างไรให้ SME ไทย ไปต่อได้อย่างเข้มแข็ง วันนี้กระทรวงพาณิชย์หารือกับภาคเอกชนและตัวแทนภาคเอสเอ็มอี ในการทำให้เป็น SME Next Level เสริมแกร่ง แข่งทุกตลาด ให้ SME ของไทยสามารถไปสู้กับตลาดโลกได้ในทุกด้าน ส่วนการตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วน GDP ของ SME ไทยนั้น เพราะอนาคตอยากเห็น SME มีสัดส่วนเกิน 50% ในระยะยาว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า SME จะต้องพัฒนาธุรกิจให้ทันโลก เพราะโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ที่สำคัญต้องคิดใหม่ทำใหม่ คิดแบบเดิมจะสู้คู่แข่งไม่ได้ และกระทรวงพาณิชย์ตั้งใจที่จะส่งเสริมและสร้างขีดความสามารถ มีแนวคิดที่จะสร้าง Thailand Brand เพื่อการันตีคุณภาพสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อ โดยกระทรวงฯ จะช่วยการันตีในระยะแรกและเมื่อพัฒนาต่อไปจะเป็นแบรนด์ในอนาคต พร้อมจะดันสินค้าและบริการซอฟต์พาวเวอร์ หาจุดขาย เช่น เรื่องสินค้า GI  เพิ่มความสะดวกในการจำหน่ายสินค้าทั้ง Online และ On ground ลดต้นทุนของ SME และอนาคตโลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม “คาร์บอนเครดิต” จะมีความสำคัญมากขึ้น โดยสินค้าของผู้ประกอบการจะต้องตอบโจทย์ตรงนี้

นายพิชัย กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วง SME ไทยต้องการแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศ ได้แต่งตั้งให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย บูรณาการ 28 หน่วยงาน ตั้งคณะอนุกรรมการฯ ขึ้นมา 2 คณะ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) และคณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ SME ไทย ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และเร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับกระทรวงการอุดมการศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่งเสริมให้ SME มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น ให้สินค้าไทยมีคุณภาพสามารถขายได้มากขึ้นช่วยกระจายรายได้ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน

นายพิชัย กล่าวด้วยว่า วันนี้ภาคเอกชนมาแสดงความยินดีที่ไทยได้เจรจา FTA ไทย-อาฟตา สำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และดี จะได้สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก ทางกระทรวงพาณิชย์จะเร่งเจรจา FTA ให้มากขึ้น เพื่อให้ทันกับคู่แข่งอย่างเวียดนาม ให้เรากลับมาแข่งขันได้และการสร้างเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีให้สามารถส่งออกได้มากขึ้น

ด้าน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ให้ความสำคัญและรับฟังความต้องการของเอกชน และขอชื่นชมความสำเร็จการเจรจา FTA กับเอฟตา ซึ่งจะยกระดับเศรษฐกิจไทยให้เติบโตในระยะยาว และขอให้เพิ่มจำนวน FTA กับประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อขยายตลาด หลุดกับดักประเทศรายได้ปานกลาง พร้อมกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ SME ไทยประสบปัญหาหนี้สินทำให้โดนยึดรถกระบะเป็นจำนวนมากและปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศ อยากให้ภาครัฐช่วยผลักดัน SME ไทยไปบุกตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น และขึ้นแพลตฟอร์มมากขึ้น

ขณะที่ นายแสงชัย ธีรกุลวานิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ให้มีแต้มต่อกับรายย่อย วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกร และสินค้าไทยมีคุณภาพ ขอให้ช่วยส่งเสริมด้านดิจิทัลให้เอสเอ็มอี สร้างแบรนด์เสริมให้ SME ยกระดับท้องถิ่นสู่สากล ส่งเสริมการส่งออก ช่วยเศรษฐกิจฐานรากและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

Back to top button