SELIC มั่นใจ Q4 สดใส! ลั่น 3 ธุรกิจหลักแกร่ง หนุนรายได้โต Double Digit

SELIC ส่งซิกโค้งสุดท้ายของปี 67 ยังรุ่ง 3 ธุรกิจหลักเติบโตต่อเนื่อง ทั้งในและต่างประเทศ หนุนรายได้เติบโตแบบ Double Digit


นายเก่ง สุวัฒนพิมพ์ กรรมการบริหารและ Operation Director พร้อมด้วย นางสาววัฑรา อรุณ นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC ผู้นำด้านการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย รวมทั้งวิจัยและพัฒนากาวอุตสาหกรรมที่ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม (Specialty and High Performance Adhesive) เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ร่วมให้ข้อมูลผลการดำเนินงานในกิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day)

โดยงวดประจำไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีการเติบโตแข็งแกร่ง และก้าวต่อไปของ SELIC พร้อมเดินหน้า 3 ธุรกิจหลักเต็มสูบ มองแนวโน้มไตรมาส 4 ไปจนถึงปีหน้า ประเมินธุรกิจกาวอุตสาหกรรม มีการเร่งผลักดันแผนการตลาดมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัว มีแผนการลงทุนเครื่องจักรใหม่เพิ่มเติม และคาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2568 พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตรองรับดีมานด์ทั้งในและต่างประเทศ และธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เน้นไปที่การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ พิมเสนน้ำตราหลวงสิทธิ์ เน้นขายในช่องทางร้านค้าสะดวกซื้อ พร้อมกับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ (repackaging) ในผลิตภัณฑ์เดิมให้ทันสมัยและเข้าถึงผู้ใช้งานมากขึ้น พร้อมยื่นคำขอรับใบอนุญาต (License) เพื่อขยายตลาดในแถบภูมิภาคเอเซีย เป็นการเปิดตลาดใหม่ๆในต่างประเทศ คาด 3 ธุรกิจหลักเดินหน้าตามแผน หนุนรายได้ทั้งปีเติบโตแบบ Double-Digit

ทั้งนี้ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา SELIC ย้ายการซื้อขายหลักทรัพย์ จากกระดาน mai ไปสู่ SET ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (Industrials) หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร (Industrial Materials & Machine) มุ่งยกระดับองค์กรเข้าสู่แหล่งระดมทุนที่มีศักยภาพ เพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน และหนุนแผนธุรกิจในอนาคต

ขณะที่ ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 67 บริษัทฯสามารถทำรายได้รวม 1,591.01 ล้านบาท เติบโต 14.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากการรวมธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเข้ามาในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ และมีกำไรขั้นต้น 467.68 ล้านบาท เติบโต 25.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 29.6% จากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงการพัฒนาขึ้นจากกำไรขั้นต้น ของธุรกิจกาวอุตสาหกรรม และธุรกิจสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัว ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่140.70 ล้านบาท

Back to top button