CGSI คัด 7 หุ้นท็อปพิก! คงเป้า SET ปีหน้า 1,630 จุด ชู AMATA-BCH เด่น

CGSI มองหุ้นไทยครึ่งปีแรก 68 ยังไม่คึกคัก นักลงทุนรอดูมาตรการของ “โดนัล ทรัมป์” อาจส่งผลทำให้เงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทย คงเป้า SET สิ้นปี 68 ที่ 1,630 จุด


บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีแรก 68 ยังไม่คึกคัก เชื่อว่านักลงทุนต้องการรอดูท่าทีของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศอื่นๆ ครั้งใหญ่หรือไม่ นอกจากนี้นายทรัมป์อาจมีมาตรการลดภาษีให้กับคนอเมริกัน ซึ่งจะช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐ จึงเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เงินลงทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้ นโยบายเศรษฐกิจของนายทรัมป์ ยังอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯลดลงช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งปัจจุบัน Bloomberg คาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 75bp เป็น 3.75% ภายในสิ้นปี 68 ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI จึงคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งเดียวในปี 68 เป็น 2.00% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.25%

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า รัฐบาลไทยจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยลบภายนอก ประกอบด้วย โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 2 ที่รัฐจะแจกเงินให้คนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปในเดือนม.ค.68 ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่ารัฐบาลคาดว่าจะแจกเงินเฟส 2 ราว 4 หมื่นล้านบาท, มีแผนจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานภายในเดือนก.ย.68 เพื่อซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ, มีแผนปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหาหรือหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 1 ปีในกลุ่มสินเชื่อบ้าน สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อ SME ซึ่งมีมูลค่ารวม 1.3 ล้านล้านบาท, มีแผนปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วัน เป็นต้น

สำหรับสถานการณ์การเมืองของไทยนั้น พรรคเพื่อไทยและน.ส.แพทองธาร ชินวัตรถูกยื่นคำร้องมากกว่า 10 คำร้อง ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย แม้จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ดังนั้นหากประเมินในกรณีแย่สุดคือ พรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรค สมาชิกพรรคที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ก็ยังสามารถย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ได้

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากปัจจัยลบภายนอกที่ไม่สดใส จึงมองว่าหุ้น Domestic play และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า จึงชอบกลุ่มอุปโภคบริโภค, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มการแพทย์, กลุ่มธนาคารและกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ขณะที่แนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มน้ำมันและก๊าซ, กลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

โดยคาดว่า EPS ของตลาดหุ้นไทยจะเติบโต 3% จากปีก่อน ในปี 67 และโต 11% ในปี 68 ขณะที่ยังคงเป้าดัชนี SET สิ้นปี 68 อยู่ที่ 1,630 จุด ซึ่งเท่ากับ P/E ที่ 16 เท่าในปี 68 หรือ -0.75SD ของค่าเฉลี่ยห้าปี โดยมีหุ้น Top pick คือ AMATA, BCH, CBG, CPN, CRC, MTC และ SCB

ทั้งนี้ ธีมหุ้นการลงทุนในปีหน้ามี 6 ธีมได้แก่ ธีมหุ้น ESG จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นจากกองทุน Thai ESG (TESG), ธีมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เชื่อว่ากลุ่มค้าปลีก กลุ่มธนาคาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค และกลุ่ม Home improvement น่าจะได้ประโยชน์จากโครงการนี้, ธีมหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก FDI, ธีมหุ้นสถานบันเทิงครบวงจร, ธีมหุ้นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และธีมหุ้น Value play

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มอง Upside risk ตลาดหุ้นไทยปี 68 จะมาจากการที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแข็งแกร่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและยอดส่งออกที่เติบโตสูงกว่าคาด ขณะที่ Downside risk จะมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น, ความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น, การปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งในและต่างประเทศช้ากว่าคาดและเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทย

Back to top button