ทองคำยังขาขึ้น! YLG ชี้ปี 68 ราคาในไทยอาจแตะบาทละ 50,000 บ.
ราคาทองคำในปี 2568 คาดว่าจะยังคงขาขึ้น โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าอาจแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หลังจากธนาคารกลางจีน (PBOC) กลับเข้าซื้อทองคำในรอบ 6 เดือน โดยการกลับมาซื้อทองคำในปริมาณ 1.6 แสนทรอยออนซ์ ส่งผลให้ทองคำสะสมของจีนรวม 72.96 ล้านทรอยออนซ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ธ.ค.67) นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ราคาทองคำยังคงมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นในปี 2568 หลังจากธนาคารกลางจีน (PBOC) กลับมาเข้าซื้อทองคำอีกครั้งในรอบ 6 เดือน หลังจากที่หยุดการสะสมทองคำตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งทำให้ราคาทองคำมีการปรับฐานในช่วงที่ผ่านมา จนธนาคารกลางจีนตัดสินใจกลับมาซื้อทองคำอีกครั้งในปริมาณ 1.6 แสนทรอยออนซ์ ส่งผลให้มียอดทองคำสะสมรวมทั้งสิ้น 72.96 ล้านทรอยออนซ์
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางจีนหยุดการซื้อทองคำเมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นไปถึงระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 2,790 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แต่ราคาทองคำกลับปรับลดลงในเดือนพฤศจิกายน ทำให้จีนกลับมาซื้อทองคำอีกครั้ง นักวิเคราะห์เชื่อว่า การกลับมาซื้อทองคำของจีนในช่วงเวลานี้อาจเป็นการรอจังหวะที่เหมาะสมในการสะสมทองคำ ซึ่งเป็นการยอมรับในระดับราคาดังกล่าว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ทองคำในปี 2568 อาจมีโอกาสทะลุเป้าหมาย 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ โดยมีสาเหตุหลักจากการที่ธนาคารกลางจีนเริ่มสะสมทองคำอีกครั้ง ซึ่งอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางทั่วโลกหันมาเพิ่มการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงอยู่ในระดับสูง
สำหรับในประเทศไทย YLG คาดการณ์ว่าราคาทองคำในปี 2568 อาจขึ้นไปถึง 50,000 บาทต่อบาททองคำ เนื่องจากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ ที่ยังคงเป็นเป้าหมายของนโยบายการเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงและส่งผลบวกต่อราคาทองคำในประเทศ
อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจับตามองในระยะสั้น คือสถานการณ์การก่อการร้ายในซีเรีย โดยกลุ่ม “ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม” หรือ HTS ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม “อัลกออิดะห์” ได้เริ่มโจมตีทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียอย่างรุนแรงและสามารถยึดกรุงดามัสกัสได้สำเร็จ ส่งผลให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ต้องหนีออกนอกประเทศ ซึ่งส่งผลให้การปกครองโดยตระกูลอัสซาดที่ยาวนานกว่า 50 ปีสิ้นสุดลง สถานการณ์นี้สร้างความวิตกกังวลในภูมิภาคตะวันออกกลางและอาจนำไปสู่ความไร้เสถียรภาพในภูมิภาค
YLG แนะนำให้นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและมีระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนาน ใช้กลยุทธ์สะสมทองคำแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost-Average – DCA) ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงราคาทองคำได้หลากหลายระดับราคาและสร้างวินัยในการออมในระยะยาว