PROSPECT จ่อลงทุนเพิ่มรอบ 3 โชว์ผลตอบแทนย้อนหลังโต 10.2%

PROSPECT REIT เตรียมลงทุนเพิ่มครั้งที่ 3 ในโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 1, 2 และ 3 ชูศักยภาพกองทรัสต์กลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำในพื้นที่ Free Zone ย่านบางนา-ตราด โชว์อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 12 เดือนโดดเด่น 10.2%


นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า PROSPECT REIT เป็นกองทรัสต์กลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ ที่มุ่งเน้นลงทุนในอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า ปัจจุบันทรัพย์สินที่ลงทุนตั้งอยู่ในย่านบางนา-ตราด จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงและเป็นย่านศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญของประเทศ สามารถเชื่อมต่อกับท่าเรือ สนามบิน และนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้รวดเร็ว

โดยทรัพย์สินหลักที่ลงทุนมีทั้งรูปแบบกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าใน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 1, โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2, โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 และโครงการ X44 บางนา กม.18 มีพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 292,332 ตารางเมตร บนที่ดินรวมประมาณ 294 ไร่ และมีผู้เช่าเป็นบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศจากหลากหลายอุตสาหกรรม ช่วยสร้างความมั่นคงแก่รายได้ของกองทรัสต์ โดยทรัพย์สินหลักในปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) เฉลี่ย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 สูงถึง 98% สะท้อนถึงความต้องการเช่าพื้นที่อาคารคลังสินค้าและโรงงานที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ PROSPECT REIT ยังมีประวัติการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่จัดตั้งกองทรัสต์ในปี 2563 ถึงงวดการดำเนินงานสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 กองทรัสต์ประกาศจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแล้วในอัตรารวม 3.8520 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Yield) ย้อนหลัง 12 เดือนอยู่ที่ 10.2% เมื่อเทียบกับราคาหน่วยทรัสต์ที่ 8.45 บาท ณ สิ้นไตรมาส 3/2567

ล่าสุด PROSPECT REIT เตรียมลงทุนเพิ่มครั้งที่ 3 มูลค่ารวมไม่เกิน 3,350 ล้านบาท โดยจะลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่า ในอาคารคลังสินค้าและโรงงานสำเร็จรูป รวมถึงอาคาร Built-to-Suit ใน 3 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการเดียวกับที่กองทรัสต์ลงทุนอยู่ในปัจจุบัน คิดเป็นพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 221,678 ตารางเมตร ได้แก่

1) โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 1 ถนนบางนา-ตราด กม.23 จะลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน และสิทธิการเช่าอาคาร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 158,315 ตารางเมตร 2) โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2 ถนนเทพารักษ์ จะลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน เป็นระยะเวลาไม่เกิน 26 ปี และลงทุนในกรรมสิทธิ์อาคาร มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 12,481 ตารางเมตร และ 3) โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 ถนนบางนา-ตราด กม.19 จะลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารของโครงการ มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 50,882 ตารางเมตร ภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ PROSPECT REIT จะมีพื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้นประมาณ 76% เป็น 514,010 ตารางเมตร

โดยการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้มีจุดเด่น ได้แก่ 1) ทรัพย์สินมีศักยภาพสูง 1.1) ทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญของประเทศ ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง นอกจากนี้ยังตั้งอยู่บนพื้นที่ผังเมืองสีม่วงสำหรับประกอบการอุตสาหกรรม ผู้เช่าสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่น ประกอบกิจการได้ทั้งโรงงานและคลังสินค้า ส่งผลให้ทรัพย์สินมีความต้องการเช่าพื้นที่สูง

นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้รับผลเชิงบวกจากแนวโน้มการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนมายังภูมิภาคอาเซียน เพื่อรับมือกับผลกระทบของสงครามการค้า 1.2) มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้เช่า โดยโครงการบางฟรีเทรดโซน 1 และโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 มีพื้นที่บางส่วนเป็นเขตปลอดอากร หรือ Free Zone ซึ่งผู้ประกอบการในพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 1.3) อาคารมีคุณภาพสูง ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้เช่ารายย่อยแต่ละรายที่แตกต่างกัน และมีระบบสาธารณูปโภคครบครัน 1.4) มีผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ได้แก่ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญบริหารอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า

โดยมีประสบการณ์พัฒนาและดำเนินโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนกว่า 18 ปี ปัจจุบันมีโครงการภายใต้การบริหารจัดการ 7 โครงการ พื้นที่รวมประมาณ 1.04 ล้านตารางเมตร นอกจานี้ ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ยังให้บริการที่หลากหลายและครบวงจร ทั้งการประสานงานกับหน่วยงานราชการและการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าในการขอใบอนุญาตที่จำเป็น

2) เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) เป็น 31.4% จากปัจจุบัน 29.2% ของมูลค่าประเมินทรัพย์สิน ซึ่งจะทำให้กระแสรายได้ของกองทรัสต์มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น

การเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพของ PROSPECT REIT ทั้งการเพิ่มขนาดสินทรัพย์รวมที่ทำให้กองทรัสต์ใหญ่ขึ้น มีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงมีโครงสร้างสัดส่วนการลงทุนที่ดียิ่งขึ้นระหว่างการลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่า จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้และผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหากองทรัสต์ที่มีศักยภาพเติบโตสูง” นางสาวอรอนงค์ กล่าว

Back to top button