“ธปท.-คลัง” จับมือเปิดโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” แก้หนี้ 8.9 แสนลบ. หวังสิ้นปีกด NPL วูบ

“ธปท.-คลัง” จับมือกับ 3 สมาคมสถาบันการเงิน เปิดตัวโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ลุยแก้หนี้ยั่งยืน ครอบคลุม ครัวเรือน-เอสเอ็มอี หลัง ครม. ไฟเขียว ลดเงินส่ง FIDF เข้าช่วยปีละ 39,000 ลบ. เริ่มลงทะเบียน 12 ธ.ค.67 - 28 ก.พ.68


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ธ.ค.67) เวลา 14:00 น. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “คุณสู้ เราช่วย ปิดหนี้ได้ไว ไปต่อได้เร็ว” ภายใต้ความร่วมมือของ 5 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการคลัง, ธปท. , สมาคมธนาคารไทย, สมาคมธนาคารนานาชาติ และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง กล่าวว่า ถูกใจชื่อโครงการนี้ คุณสู้ เราถึงจะช่วย สำหรับคนที่ชีวิตนี้มีความหวัง ถึงแม้ประเทศจะอยู่ในสภาวะที่ซึมเซามา มากกว่า 10 ปี และประสบช่วงโควิดอีก ทำเศรษฐกิจเติบโตไม่ดีเท่าที่ควร วันนี้เราพร้อมที่จะแก้ไข พร้อมที่จะสู้ เมื่อเห็นประชาชนจะสู้ เราก็จะสู้ด้วยร่วมมือแก้ไข จากที่เห็นแสงสว่าง ลุ้นว่า ไตรมาสที่ 4 น่าจะได้เห็น GDP โตใกล้ ๆ 4% รวมแล้วปี 2567 GDP น่าจะโตเป็น 2.8% ดังนั้น ปี 2568 น่าจะเพิ่มขึ้นอีกและตนฝันไปไกลถึง 3.5%

นายพิชัย กล่าวอีกว่า กลุ่มครัวเรือนและ SME เป็นพื้นฐานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ นโยบายภาครัฐ คือการแก้ปัญหาให้หนี้ที่มีอยู่เดิมยังคงเท่าเดิม แต่ภาระการจ่ายลดลง เมื่อช่วยเหลือลูกหนี้ได้แล้ว รัฐบาลก็อยากช่วยภาค 2 ในการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทั้งภาคการลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศ

โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ผ่านวาระลดเงินกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือ FIDF เหลือ 50% ด้วยหลักการประมาณ 3 ปี ปรับลดเงินนำส่ง จำนวนไม่เกินปีละ 39,000 ล้านบาท

“เราจะเห็นเงินต้นที่ลดลง เป็นเด็กดีที่ต่อเนื่อง… ก็จะเห็น NPL ลดลง ตามมาตรฐานของแต่ละสถาบัน … ได้แอบฝันว่าภายในสิ้นปีนี้ ยอด NPL จะลดลง” รองนายกฯและรมว.คลัง กล่าว

นายพิชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของภาครัฐ ไม่มี FIDF แต่มี ม.28 คือการใช้กล้ามเนื้อที่ยังหลงเหลืออยู่ในธนาคารภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือดูแล และรัฐบาลรับที่จะหางบประมาณมาจ่ายให้ หรือใช้เงินล่วงหน้าในสิ่งที่ธนาคารภาครัฐยังมีขีดความสามารถอยู่ เพื่อมาดูแลพอร์ตโฟลิโอธนาคารภาครัฐเช่นเดียวกับที่ธนาคารพาณิชย์ดำเนินการ

รองนายกฯและรมว.คลัง กล่าวว่า อยากจะเห็นธนาคารพาณิชย์ช่วยดูแลกลุ่มพวกนี้ด้วย ถ้าเราช่วยดูแลเขาแล้ว พวกนี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าของท่านในอนาคต เพราะฉะนั้นคำว่ายั่งยืนของท่าน คือทำให้กลุ่มนี้รอด เพราะถ้ากลุ่มนี้ไม่รอดก็ไม่ยั่งยืนแน่นอน เพราะ 90% ลูกค้าของท่าน คือ คนในประเทศ คุณสู้ เราช่วย และเราก็รอดด้วย ย้ำว่า สิ่งที่ช่วยนี้จะไม่ละเว้นวินัยการเงินการคลัง แต่เราไม่อยากสนับสนุนว่าเราช่วยแล้วท่านไม่จ่าย ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเองก็ขอให้รักษาหน้าที่ตัวเอง

ส่วนที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ยอดไม่สูง รัฐบาลจะหยิบขึ้นมาดูและหวังว่าจะได้ข้อยุติในเร็ววัน การช่วยเหลือครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เป็นจิ๊กซอว์ตัวที่หนึ่งที่จะสร้างความมั่นใจว่า การเดินต่อไปข้างหน้าที่ภาครัฐที่จะทำ สามารถมีโอกาสที่จะสำเร็จได้สูงขึ้น “งานดี คนดี และเงินดี” ชาติเจริญแน่นอน

ด้าน นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ถึงแม้เศรษฐกิจในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวได้ และรายได้ก็มีแนวโน้มทยอยกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ลูกหนี้บางกลุ่ม ยังประสบปัญหาในการชำระหนี้ และต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อให้ไปต่อได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อย และ SME ที่รายได้ยังไม่กลับมาอย่างเต็มที่ ธปท. กระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ และสถาบันการเงิน จึงร่วมมือกันผลักดันโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ผ่าน 2 มาตรการ คือ มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์”  และ มาตรการ “จ่าย ปิด จบ” ซึ่งทั้ง 2 เป็นมาตรการชั่วคราว ระยะเวลา 3 ปี มีเป้าหมายหลักในการช่วยให้กลุ่มลูกหนี้ขนาดเล็กผ่อนไหว มีโอกาสกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ และคงรักษาทรัพย์สินที่สำคัญไว้ได้ และปิดจบหนี้ได้เร็ว โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ยึดหลักการแก้หนี้ แบบยั่งยืน ที่เน้นย้ำมาโดยตลอด คือการแก้หนี้แบบครบวงจร ถูกหลักการ และทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า 2 จุดสำคัญที่โครงการนี้ต่างจากมาตรการอื่น ๆ ที่ผ่านมา คือ 1.การปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้เน้นตัดเงินต้น และลดภาระผ่อนในช่วง 3 ปี เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ 2.การร่วมสมทบเงินหรือโคเพย์เมนท์ (CO-PAYMENT) ของภาครัฐและสถาบันการเงิน โดยภาครัฐปรับลดอัตราเงินนำส่ง FIDF และสถาบันการเงินสมทบเงินอีกส่วน เพื่อลดภาระจ่ายของลูกหนี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือที่แสดงถึงความตั้งใจในการช่วยเหลือลูกหนี้และแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศ

ผู้ว่า ธปท. กล่าวต่อว่า “คุณสู้” สะท้อนถึงลูกหนี้ที่พยายามสู้กับปัญหาหนี้ที่มีมาโดยตลอด และพร้อมที่จะสู้ต่อ ซึ่งจะได้แรงหนุนเพิ่มเติมจาก “เราช่วย” ซึ่งเรา หมายถึงทั้งภาครัฐและสถาบันการเงินที่ร่วมกันผลักดันช่วยเหลือในครั้งนี้

โดยมีเป็นการช่วยเหลือแบบจำเพาะเจาะจง เน้นกลุ่มเปราะบาง ครอบคลุมลูกหนี้รวม 1.9 ล้านราย ยอดหนี้รวม 8.9 แสนล้านบาท เป็นมาตรการชั่วคราว ระยะเวลา 3 ปี สอดคล้องกับรายได้ของลูกหนี้ที่คาดว่าจะทยอยกลับเข้ามา และเน้นให้ได้ผลจริง โดย ธปท. จะติดตามสถาบันการเงิน ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดและต้องการรับความช่วยเหลือ และให้สถาบันการเงินรายงานข้อมูลกลับมาที่ ธปท. พร้อมทั้งจะมีการสุ่มตรวจ การให้ความช่วยเหลือเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

สรุปโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ขนาดเล็ก ครอบคลุมลูกหนี้รวมจำนวน 2.1 ล้านบัญชี เป็นลูกหนี้ 1.9 ล้านราย และมียอดหนี้รวมประมาณ 8.9 แสนล้านบาท

Back to top button