ก.ล.ต. เปิดผลงาน! สกัดแก๊ง “หลอกลงทุน” 2.9 พันบัญชี พร้อมตั้ง 16 กองทุน Thai ESG ใหม่
บอร์ด ก.ล.ต. เน้นสร้างความเชื่อมั่น เร่งแก้ไขกฎหมายเอาผิดหลอกลวง หลังสถิติ “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน” ช่วง 11 เดือนแรกปี 67 จำนวน 2.9 พันบัญชี เล็งผลักดันซื้อขาย “ดิจิทัล” ผ่านบล็อกเชน ป้องกันความปลอดภัย-ซื้อขายได้จริง พร้อมทั้งตั้งกองทุน Thai ESG ตั้งใหม่ปีนี้ 16 กองแล้ว NAV เพิ่มกว่าหมื่นล้านบาท
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการสำนักงาน และโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ตลาดทุนในปัจจุบันมีมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง และนักลงทุนต่างชาติได้ลดน้ำหนักการลงทุนลง โดยมูลค่าการซื้อขายในครึ่งแรกปี 67 อยู่ที่ประมาณ 40,000 ล้านบาท และในช่วงหลังเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มแผนปี 68 ก.ล.ต. มุ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน โดยบังคับใช้กฎหมาย ปรับโครงสร้างต่างๆ อีกทั้งการขับเคลื่อนตลาดทุนไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล หรือหลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการนำเรื่องโทเคนเข้ามา นอกจากนี้ตลาดทุนเป็นแรงขับเคลื่อนไปสู่ความยั่งยืน เรื่องตลาดคาร์บอนเครดิต และการทำให้ผู้ลงทุนมีความรู้ศักยภาพ รองรับสังคมผู้สูงอายุในอนาคต ประกอบกับการพัฒนาบุคลากร
สำหรับสถิติการดำเนินการของ “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน” ใน 11 เดือนแรกของปี 2567 (จนถึงวันที่ 9 ธ.ค.67) ได้ประสานงานกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เพื่อปิดกั้นบัญชีที่เข้าข่ายหลอกลวงลงทุนและปิดกั้นได้แล้ว 2,940 บัญชี โดย ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแสหลอกลงทุน รวมทั้งสิ้น 5,057 ครั้ง ผ่านทางระบบรับแจ้งบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th/scamalert อีเมล [email protected] และ โทร. 1207 กด 22
ดังนั้น มีการกล่าวโทษคดีอาญา ผู้กระทำผิด เรื่องการทำไม่เป็นธรรม 13 คดี เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 8 คดี และมาตราการลงโทษทางแพ่ง 10 คดี ดำเนินการผู้กระทำผิด เมื่อเทียบกับปีที่แล้วอยู่ที่ 7 คดี โดยมีการฟ้องร้อง 20 คดี มีถึง 6 คดีสิ้นสุดตั้งแต่ศาลชั้นต้น ส่วนอีก 5 คดีจะเป็นศาลอุทธรณ์ โดยเร่งปรับปรุงกฎหมายเอาผิดคดีโกงหุ้น หลอกลวงในปีหน้า
โดยจากจำนวนบัญชีที่แจ้งปิดกั้นเนื้อหาหรือช่อช่องทางการหลอกลงทุนแล้ว จำนวน 2,968 บัญชี ส่วนใหญ่เป็นช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นช่องทาง TikTok มากที่สุด จำนวน 1,502 บัญชี รองลงลงมาเป็นช่องทาง Facebook จำนวน 1,318 บัญชี และช่องทาง LINE จำนวน 148 บัญชี
สำหรับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ณ วันที่ 9 ธ.ค. 67 มีกองทุน Thai ESG ทั้งหมด 38 กองทุน เพิ่มจากสิ้นปี 2566 จำนวน 16 กองทุน โดยเป็นกองทุนที่ขอจัดตั้งใหม่ 16 กองทุน นอกจากนี้ มี 3 กองทุนเป็นกองทุน Thai ESG เดิมที่ขอแก้ไขโครงการเพื่อเพิ่ม class Thai ESG (ผู้ลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เช่นเดียวกับกองทุน Thai ESG ที่จัดตั้งใหม่)
โดยกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) คือ กองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนหรือสิ่งแวดล้อมที่ผู้ออกทรัพย์สินนั้นเป็นภาครัฐหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย โดยผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าว
นางสาวจอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า เดินหน้าผลักดัน การซื้อขายหลักทรัพย์ดิจิทัล 100% มุ่งเน้นพัฒนาขับเคลื่อน Digital Asset เน้นใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อป้องกันความปลอดภัยสำหรับการเข้าใช้รหัส และการปลอมแปลง เพิ่มความโปร่งใส เขียนชุดคำสั่งให้ทำงานอัตโนมัติ ลดการพึ่งพาตัวกลาง อีกทั้งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลได้ เพื่อหวังลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ลงทุนซื้อขายได้จริง เพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น