CGSI ชี้ SET แกว่งตัวไซด์เวย์ แนะ 2 หุ้นเก็งกำไร ERW-CREDIT
CGSI มองกรอบ SET วันนี้แกว่งตัวไซด์เวย์ บริเวณ 1,435-1,450 จุด จับตามาตรการช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาล แนะ 2 หุ้นเก็งกำไร ERW- CREDIT
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (12 ธ.ค.67) คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวบริเวณ 1,435-1,450 จุด โดยมองว่า Sentiment บวกตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และมาตรการช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาล เป็นเพียง Upside ในระยะสั้น
โดยเมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) กระทรวงการคลัง และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่จะมีการเปิดลงทะเบียนวันที่ 12 ธ.ค. 67-28 ก.พ. 2025 เพื่อช่วยลูกหนี้ 1.9 ล้านราย มียอดหนี้ 8.9 แสนล้านบาท โดยจะมี 2 มาตรการ ได้แก่ 1) การช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs ขนาดเล็กที่มีวงเงินไม่สูงมาก ให้เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและพักภาระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี และ 2) การช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็นหนี้เสีย แต่มียอดคงค้างหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท ลูกหนี้จะต้องเข้ามาเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ เพื่อชำระหนี้บางส่วนและและ ให้พ้นจากบัญชีหนี้เสียที่ติดเครดิตบูโร
โดยนักวิจัยมองเป็นกลางต่อการประกาศนี้ และคาดว่าธนาคารจะต้องเสียรายได้ดอกเบี้ยด้วยต้นทุนหนี้เสียที่ต่ำลงและ คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นในช่วงระยะเวลา 3 ปีของโครงการ
นอกจากนี้ มุมของของนักวิจัยในเชิงเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมองว่ามาตรการดังกล่าวเป็นบวกเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจไทย โดยมาตรการช่วยเหลือนี้จะคิดเป็น 5.5% ของหนี้สินครัวเรือนทั้งหมด และ อาจลดหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ได้ 1-1.5%
ทางด้าน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสาน โดย Nasdaq ปิดทำนิวไฮเหนือระดับ 20,000 จุด เป็นครั้งแรก ขานรับรายงานอัตราเงินเฟ้อ (CPI) เดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ เติบโตที่ระดับ 2.7% ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับที่ตลาดคาด (vs. เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.6%) และ Core CPI เติบโตคงที่จากเดือนต.ค. ที่ระดับ 3.3% ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับที่ตลาดคาดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดมองว่าอัตราเงินเฟ้อนี้ยังไม่สูงพอที่จะทำให้ Fed ชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า (17-18 ธ.ค.) โดยจาก CME FedWatch ชี้ว่าตลาดให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 96% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bp สู่ระดับ 4.5%
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะมีแรงสนับสนุนจากหุ้นกลุ่มเทคฯ (Nvidia +3.1%, Alphabet +5.4%) รวมถึง Broadcom (+6.6%) หลังมีรายงานว่าบริษัทกำลังร่วมมือกับ Apple เพื่อพัฒนาชิปเซิร์ฟเวอร์สำหรับ AI แต่ดัชนี DJIA ที่ร่วงลงมา ถูกกดดันนำโดยหุ้นกลุ่ม Healthcare หลังสมาชิกสภาคองเกรสเสนอร่างกฎหมายบังคับให้บริษัทที่เป็นเจ้าของธุรกิจประกันสุขภาพหรือ Pharmacy Benefit Management ต้องแยกธุรกิจร้านขายยาออกภายใน 3 ปี
ด้านตลาดน้ำมันปิดบวก (WTI +2.5%) มีปัจจัยเป็น 1) ความกังวลต่ออุปทานน้ำมัน หลังสหภาพยุโรปอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อกองเรือ Shadow Fleet ซึ่งเป็นกลุ่มเรือบรรทุกน้ำมันและก๊าซที่ช่วยให้รัสเซียได้กำไรจากการขายเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ผิดกฎหมาย และ 2) รายงานตัวเลขสินค้าคงคลังน้ำมันดิบจาก EIA ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล แม้ว่ากลุ่ม OPEC ได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์ทั่วโลกในปีนี้เหลือ 1.61 bpd (จากเดิม 1.82 bpd) และปี 2025 ขยายตัว 1.45 bpd (จากเดิม 1.54 bpd) ก็ตาม
วันนี้ จับตารายงานตัวเลขดัชนี PPI สหรัฐฯ และ การประชุม ECB ที่ตลาดคาดว่าจะมีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bp
สำหรับหุ้นแนะนำ ได้แก่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ซึ่งคาดว่า sentiment ของนักลงทุนต่อกลุ่มท่องเที่ยวจะดีขึ้นช่วงไฮ-ซีซั่นในไตรมาส 4/67 และ RevPAR น่าจะกลับมาเติบโตในอัตราปกติหลังจากอยู่ในระดับต่ำในเดือนก.ย.67 (Take profit ราคา 4.20 บาท และ Stop loss ราคา 3.96 บาท
ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT ที่มีการดำเนินธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ของ CREDIT ซึ่งต่างจากธนาคารใหญ่ด้วยการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน โดยสินเชื่อของ CREDIT ประมาณ 51.4% ในไตรมาส 3/67 อยู่ภายใต้โครงการค้าประกันสินเชื่อของรัฐบาล (Take profit ราคา 20.90 บาท และ Stop loss ราคา 17.40 บาท