“สารัชถ์ รัตนาวะดี” ซีอีโอ GULF ครองแชมป์ “เศรษฐีหุ้นไทย” 6 ปีซ้อน รวยอู้ฟู่ 2.4 แสนล้าน

เปิดพอร์ตเศรษฐีหุ้นไทย “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ซีอีโอแห่งอาณาจักรกัลฟ์ แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 67 รวย 2.4 แสนล้านบาท ครองแชมป์ 6 ปีซ้อน “นิติ โอสถานุเคราะห์” นักลงทุนรายใหญ่ทายาทโอสถสภา นั่งอันดับ 2 ถือพอร์ตหุ้นรวมมูลค่า 5.9 หมื่นล้านบาท


วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ 31 แล้ว โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นในสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ mai ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดภายในวันที่ 30 กันยายน 2567

สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2567 ในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2567 ปรากฏว่า แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2567 ยังคงเป็นของนายสารัชถ์ รัตนาวะดี รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ซึ่งเป็นการครองบัลลังก์แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน โดยหุ้นที่สารัชถ์ถือครองในปีนี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 240,341.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49,513.84 ล้านบาท หรือ 25.95%

สำหรับหุ้นที่สารัชถ์ถือครองประกอบด้วย หุ้น GULF ในสัดส่วน 35.81% สูงเป็นอันดับ 1 บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่เป็นบริษัทลูกของไทยยูเนี่ยน 0.67%  และ บริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC บริษัทในเครือบีทีเอส กรุ๊ป ที่ให้บริการด้านงานระบบครบวงจร 4.89%

อย่างไรก็ตาม ความมั่งคั่งของสารัชถ์ที่หดหายไปเมื่อปีที่แล้ว ได้กลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 240,341.89 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเป็นมูลค่าการถือครองหุ้นที่สูงที่สุดนับตั้งแต่สารัชถ์ก้าวเข้ามาเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเมื่อปี 2562 และนับเป็นมูลค่าสูงสุดในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ ตลอด 6 ปีของการครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย มูลค่าหุ้นที่สารัชถ์ถือครองอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาททุกปี โดยในปี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่ก้าวขึ้นครองแชมป์ สารัชถ์มีความมั่งคั่งรวม 120,959.99 ล้านบาท ต่อมาในปีที่ 2563 ความมั่งคั่งลดลงไปเล็กน้อยที่ 115,289.99 ล้านบาท ก่อนทะยานสู่ 173,099.73 ล้านบาท ในปี 2564 และทะลุไปถึง 218,981.58 ล้านบาท ในปี 2565 ส่วนในปี 2566 ความมั่งคั่งลดลงมาที่ 190,828.06 ล้านบาท จนมาในปี 2567 มูลค่าหุ้นที่ถือครองกลับมาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 240,341.89 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ นิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 59,472.43 ล้านบาท ลดลง 2,318.19 ล้านบาท หรือ 3.75%  ซึ่งเมื่อคลี่พอร์ตการลงทุนของนิติในปีนี้พบว่าลงทุนใน 10 บริษัท ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักจากปีที่แล้ว

เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยถือครองหุ้น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS 9.39%  และบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA  11.38% รวมมูลค่า 50,655.23 ล้านบาท ลดลง 6,336.45 ล้านบาท หรือ 11.12%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 และ 5 ได้แก่ สองเจ้าของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC หรือชื่อเดิมคือ เมืองไทยลิสซิ่ง โดย ดาวนภา เพ็ชรอำไพ เศรษฐีหุ้นอันดับ 4  ถือหุ้น MTC 33.96% มูลค่า 35,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,720 ล้านบาท หรือ 37.50% และ ชูชาติ เพ็ชรอำไพ เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 35,440.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,506.70 ล้านบาท หรือ 36.66% โดยถือหุ้น MTC 33.49% และบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG 3.08%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ได้แก่ ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ทายาทหมอเสริฐ โดยถือหุ้น BDMS 5.78% และ BA 6.49% รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 30,943.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,308.63 ล้านบาท หรือ 16.18%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 7 ได้แก่ จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA โดยผู้ถือหุ้น  WHA  23.29% บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP 1.93% ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) 0.81% และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (WHAIR) 1.06%  รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 19,679.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,118.40 ล้านบาท หรือ 6.03%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ได้แก่  คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 19,458.40 ลดลง 1,923.06 ล้านบาท หรือ 8.99% ประกอบด้วย หุ้น BTS 31.16%  กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) 2.14% บริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน) หรือ TURTLE 1.64% และบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI 0.61%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ พิชญ์ โพธารามิก ทายาทคนเดียวของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดิศัย โพธารามิก ผู้ก่อตั้ง บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS โดยถือหุ้นมูลค่ารวม 19,370.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,105.24 ล้านบาท หรือ 46.02% โดยถือหุ้น JAS 52.17% บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO 57.73% และบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS 4.9%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ อนันต์ อัศวโภคิน บิ๊กอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ แบรนด์ “แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” โดยถือหุ้น บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH 23.93% และ บริษัท แมนดารินโฮเต็ล จำกัด (มหาชน) หรือ MANRIN 1.36% รวมถือครองหุ้นทั้งสิ้น 18,315.54 ล้านบาท ลดลง 3,992.46 ล้านบาท หรือ 17.90%

โดยปีนี้ ตระกูลรัตนาวะดี ยังคงครอง แชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยปี 2567 ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 โดยมีความมั่งคั่งรวม 240,341.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49,513.84 ล้านบาท หรือ 25.95% จากการถือหุ้น GULF, ITC และ ROCTEC ของ สารัชถ์ รัตนาวะดี แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยในปีนี้

อันดับ 2 ตระกูลปราสาททองโอสถ โดย 6 เครือญาติในตระกูล ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ และ 5 ทายาท ปรมาภรณ์ พุฒิพงศ์ สมฤทัย อาริญา และ พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ที่ถือครองหุ้นรวมกันเป็นมูลค่า 102,679.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,859.19 ล้านบาท หรือ 6.05%

อันดับ 3 ตระกูลจิราธิวัฒน์ ถือครองหุ้นรวมกันมูลค่า 91,547.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74,089.29 ล้านบาท หรือ 424.38% เนื่องจากปีนี้เครือญาติที่ถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ตั้งแต่ 0.5% ขึ้นไปได้กลับเข้ามาในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยรวมทั้งหมด 45 คน

อันดับ 4 ตระกูลโอสถานุเคราะห์ โดย 12 เครือญาติในตระกูลโอสถสภา ได้แก่ นิติ คฑา ธัชรินทร์, นาฑี เกสรา, ภาสุรี ปวราภารัตน์ ศรีสุมา, สมพร สุธิตา และเสรี โอสถานุเคราะห์ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 75,642.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,921.35 ล้านบาท หรือ 4.02%

อันดับ 5 ตระกูลเพ็ชรอำไพ โดยเจ้าของ MTC ดาวนภา-ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 71,080.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,226.70 ล้านบาท หรือ 37.08% นอกจาก MTC แล้ว ชูชาติยังถือหุ้นใน บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG อีกด้วย

Back to top button