นายกฯ หวังคืนชีพลูกหนี้ NPL 3.35 แสนบัญชี กลยุทธ์ “ลดเงินกองทุน FIDF-พักดอกเบี้ย 3 ปี”
นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร มุ่งหวังคืนชีพลูกหนี้ NPL 3.35 แสนบัญชี โชว์กลยุทธ์ “ลดเงินกองทุน FIDF - พักดอกเบี้ย 3 ปี” มั่นใจประชาชนจะลืมตาอ้าปากได้จากนโยบายเคลียร์หนี้นี้
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 31 เปิดเผยในงานแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือน หลังจากรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 18 ส.ค.67 ถึงนโยบายช่วยเหลือประชาชนในปี 68 เกี่ยวกับหนี้ครัวเรือน ที่ยกให้เป็นวาระแห่งชาติ ด้วยการจะช่วยลูกหนี้จากรถและบ้าน ซึ่งจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและแบงก์พาณิชย์ผนึกกำลังกันช่วยให้ลดเงินเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือ FIDF อยู่ที่ 0.23% เป็นเงิน 39,000 ล้านบาท และพักดอกเบี้ยนาน 3 ปี โดยคาดหวังให้ประชาชนลืมตาอ้าปากให้ได้และมีความเป็นอยู่ชีวิตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ข้อมูลหนี้สินภาคครัวเรือนของประเทศไทยในปี 67 มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 88.5-89.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งในเรื่องการลดภาระการชำระหนี้และดอกเบี้ยผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ เน้นการตัดเงินต้นและยกเว้นดอกเบี้ย โดยจะให้โอกาสลูกหนี้ NPL มียอดหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท สามารถปิดบัญชีหนี้ได้และเคลียร์เครดิตเพื่อเพิ่มการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอนาคตได้
โดยนายกฯ แพทองธาร ยืนยันจะเริ่มแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนทันทีในปี 68 อย่างแน่นอน ซึ่งประชาชนที่เป็นหนี้ NPL ยอดไม่เกิน 5,000 บาทนั้น ข้อมูลล่าสุดอยู่ที่ 335,000 บัญชี โดยรัฐจะช่วยให้กลับมาเคลียร์หนี้ตรงนี้ให้ได้ พร้อมกับมอบหมายให้นายพิชัย ชุณหวชิร รับหน้าที่รับผิดชอบดูแลเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ นายกฯแพทองธาร ยังได้เปิดเผยถึง โครงการบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งคนไทยในเมืองอีกจำนวนมากไม่มีบ้าน เนื่องจากปัจจุบันราคาบ้านในเมืองมีราคาแพง รวมถึงยังเล็งเห็นถึงคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆและเริ่มทำงานมีรายได้ ที่อยากจะมีบ้านเป็น จึงผุดไอเดียที่จะใช้พื้นที่ของรัฐที่ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์และอยู่ในทำเลดี โดยจะเริ่มจากพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยในบริเวณกรุงเทพฯ สร้างคอนโดฯ เนื้อที่ห้องประมาณ 30 ตร.ม. ซึ่งจะไม่มีระบบเงินดาวน์ และให้เริ่มต้นผ่อนอยู่ที่เดือนละ 4,000 บาท ไม่เกิน 30 ปี รวมถึงมีสิทธิ์อาศัยอยู่ได้ 99 ปี โดยได้มอบหมายให้ 2 รองนายกฯ นายพิชัย ชุณหวชิร และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน นายกฯ แพทองธาร ยังได้แสดงเจตนารมณ์อยากพัฒนาเยาวชนไทยให้ก้าวสู่อนาคตแบบทันโลก เมื่อล่าสุดเปิดเผยถึง “โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน” ด้วยการที่จะให้รัฐจัดทุนการศึกษาไปเรียนต่างประเทศ ซึ่งจะใช้เงินสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและอัพเดตเงินประจำอำเภอของแต่ละจังหวัด รวมถึง “โครงการ 1 อำเภอ 1 ซัมเมอร์แคมป์” ที่จะให้เยาวชนได้มีโอกาส เดินทางไปเข้าซัมเมอร์แคมป์ ช่วงปิดเทอม ระยะเวลาประมาณ 5-8 สัปดาห์เดินไปต่างประเทศ เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้เด็กไทยออกนอกประเทศ
สำหรับอีกหนึ่งโครงการที่ นายกฯแพรทองธาร ต้องการสนับสนุนเยาวชนไทยคือ “โครงการสร้างโรงเรียนต้นแบบประจำอำเภอ” ซึ่งจะสอนแบบสองภาษา (Bilingua) หรือ สอนแบบ AI โดยจะซื้อลิขสิทธิ์การศึกษามาพัฒนาเยาวชนไทยให้เป็นจริงได้ ซึ่งทั้ง 3 โครงการข้างต้นจะมีการเริ่มลงทะเบียนปีหน้า พร้อมกับได้มอบหมายให้กับ 3 รองนายกฯ ได้แก่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ,นาย อนุทิน ชาญวีรกูล และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ช่วยกันประสานงานและรับผิดชอบให้สำเร็จ